ลิ้งค์เชื่อมต่อ

หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เตือนถึงผลร้ายจากความล่าช้าในการช่วยยูเครน


ผอ.ข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ แอฟริล เฮนส์ ร่วมให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาด้านข่าวกรอง ในประเด็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ
ผอ.ข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ แอฟริล เฮนส์ ร่วมให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาด้านข่าวกรอง ในประเด็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ

หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ เตือนสมาชิกสภาคองเกรสว่า การหยุดชะงักของการนำส่งความช่วยเหลือทางทหารให้แก่ยูเครนเพื่อใช้ในการรบกับรัสเซียอาจทำให้ฝ่ายมอสโกได้เปรียบมากขึ้น

ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ แอฟริล เฮนส์ ร่วมให้ข้อมูลแก่คณะกรรมาธิการด้านข่าวกรองของวุฒิสภาสหรัฐฯ ในวันจันทร์ หลังเวลาผ่านไปเกือบ 1 เดือนแล้วที่วุฒิสภาลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายความช่วยเหลือมูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์ให้กับยูเครน แต่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยังไม่ได้นำร่างงบนี้ขึ้นมาทำการลงมติจนถึงบัดนี้ ซึ่งทำให้ชาติพันธมิตรตะวันตกอื่น ๆ ต้องเร่งหาทางนำส่งอาวุธและยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ให้กรุงเคียฟเพื่อใช้ในการต้านการรุกรานของรัสเซียไปก่อน

เฮนส์ ระบุว่า งบประมาณ 60,000 ล้านดอลลาร์นั้น “มีความสำคัญยิ่งยวดต่อความสามารถทางการทหารของยูเครนในเวลานี้” และว่า “การถอยร่นของยูเครนจากอัฟดิอิฟกาและความยากลำบากในการป้องกันไม่ให้สูญเสียดินแดนของตนเพิ่มเติมในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงภาวะสึกกร่อนของความสามารถทางการทหารของยูเครน(เนื่องจาก)การลดลงของความช่วยเหลือทางการทหารจากนอกประเทศ”

ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ ยังเตือนด้วยว่า “หากไม่มีการนำส่งความช่วยเหลือ(เพิ่มเติม) ก็จะเป็นการยากเข็ญอย่างยิ่งที่จะนึกภาพว่า ยูเครนจะสามารถรักษาความสำเร็จในการโต้กลับรัสเซียที่ได้มาอย่างยากลำบากได้อย่างไร”

นอกจากนั้น เฮนส์ กล่าวต่อคณะกรรมาธิการด้านข่าวกรองของวุฒิสภาสหรัฐฯ ด้วยว่า ภาวะสงครามที่ดำเนินมากว่า 2 ปีนี้ได้มาถึงทางแยกจุดเปลี่ยนแล้ว และสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ก็น่าจะขึ้นอยู่กับความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ต่อยูเครนเท่านั้น

ผอ.สำนักงานข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ (ซีไอเอ) วิลเลียม เบิร์นส์
ผอ.สำนักงานข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ (ซีไอเอ) วิลเลียม เบิร์นส์

ส่วนผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ (ซีไอเอ) วิลเลียม เบิร์นส์ ที่เข้าร่วมให้ข้อมูลในครั้งนี้ด้วย กล่าวว่า “ความกล้าหาญและการยืนหยัดของชาวยูเครนกำลังเริ่มหมดลง อาวุธยุทธภัณฑ์ของพวกเขาก็ร่อยหรอลงเรื่อย ๆ ด้วย” และว่า “เวลาที่เราจะช่วยพวกเขาได้ก็เริ่มน้อยลงทุกที”

ทั้งเฮนส์และเบิร์นส์ต่างย้ำถึงข้อมูลการประเมินที่ทั้งสองหน่วยงานเคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้ที่ชี้ว่า จนถึงบัดนี้ กองทัพยูเครนสามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับกองทัพรัสเซียได้แล้วจริง ๆ

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่า มีทหารรัสเซียอย่างน้อย 315,000 นายที่เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บจากสงครามครั้งนี้ และราว 2 ใน 3 ของรถถังที่รัสเซียมีก่อนเริ่มสงครามก็ถูกทำลายไปแล้ว

อย่างไรก็ดี ทั้งสองคนแจ้งต่อคณะกรรมาธิการด้านข่าวกรองของวุฒิสภาสหรัฐฯ ว่า ไม่ว่าฝ่ายรัสเซียจะปราชัยในยุทธศาสตร์การรบไปเท่าใด ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ก็ยังไม่ไหวติงและยึดมั่นในความตั้งใจของตนต่อไป

เฮนส์ กล่าวว่า “เขา(ปูติน)ยังคงมองว่า การขยายตัวของนาโต้และการสนับสนุนยูเครนของชาติตะวันตกเป็นการตอกย้ำความเชื่อที่มีมานานของตัวเขาว่า สหรัฐฯ และยุโรปพยายามจำกัดอำนาจของรัสเซียและบ่อนทำลายเขา” พร้อมชี้ว่า วิธีตอบโต้ของปูตินก็คือ การเดินหน้าขยายสรรพกำลังทางทหารของรัสเซีย และการทุ่มเงินเข้าไปในส่วนการผลิตอาวุธยุทธภัณฑ์ รวมทั้งการจัดซื้อเสบียงคลังทางทหารจากอิหร่านและเกาหลีเหนือต่อไป

ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวต่อไปว่า ทางสำนักงาน “ยังคงมีความกังวลว่า มอสโกจะทำให้บรรทัดฐานโลกที่มีมายาวนานตกอยู่ในความเสี่ยง ด้วยการใช้อาวุธที่สั่นคลอนเสถียรภาพเชิงยุทธศาสตร์หรือก่อให้เกิดความไม่สมดุล ซึ่งรวมความไปถึงพื้นที่ในอวกาศและโลกไซเบอร์ด้วย”

  • ที่มา: วีโอเอ

กระดานความเห็น

XS
SM
MD
LG