กองกำลังรัสเซียยังคงเผชิญหน้ากับกองทหารของยูเครนเป็นวันที่ 3 ในวันพฤหัสบดี หลังกรุงเคียฟส่งกองทัพของตนบุกทะลวงพรมแดนฝั่งแคว้นเคิร์สก ซึ่งเป็นการโจมตีอย่างไม่มีความเกรงกลัวเข้าใส่หนึ่งในมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์ของโลกที่ทำให้มอสโกต้องเรียกกำลังสำรองเข้ามาเสริมทันที ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
เจ้าหน้าที่รัสเซียเปิดเผยว่า ยูเครนส่งทหารถึงราว 1,000 คนฝ่าพรมแดนรัสเซียในช่วงก่อนรุ่งสางของวันที่ 6 สิงหาคมด้วยรถถังและรถหุ้มเกราะ พร้อม ๆ กับโดรนฝูงใหญ่และการยิงถล่มด้วยปืนใหญ่
ปฏิบัติการดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในการโจมตีรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดโดยยูเครนในสงครามที่ดำเนินมากว่า 2 ปีนี้
มีรายงานว่า เกิดการสู้รบอย่างหนักใกล้ ๆ กับเมืองซุดซา ซึ่งเป็นจุดที่รัสเซียส่งผ่านก๊าซธรรมชาติไปให้ยูเครน และทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า จะเกิดการหยุดชะงักของการส่งก๊าซไปยังจุดต่าง ๆ ในยุโรป แต่เจ้าหน้าที่ยูเครนออกมายืนยันในวันพฤหัสบดีว่า ท่อส่งก๊าซยังคงทำงานได้ตามปกติอยู่
Your browser doesn’t support HTML5
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เรียกการโจมตีจากยูเครนว่าเป็น “การยั่วยุครั้งใหญ่” ขณะที่ ทำเนียบขาวระบุว่า สหรัฐฯ ไม่ได้รับทราบเกี่ยวกับแผนการโจมตีดังกล่าวมาก่อนและจะสอบถามรายละเอียดเพิ่มจากกรุงเคียฟต่อไป
เมื่อวันพุธ วาเลรี เกราซิมอฟ เสนาธิการทหารรัสเซีย บอกกับปูตินว่า มีการสกัดการรุกเข้ามาของยูเครนไว้ที่แถบพรมแดนแล้ว ก่อนที่ กระทรวงกลาโหมรัสเซียจะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า ทั้งกองทัพและหน่วยงานความมั่นคงของรัสเซีย FSB (Federal Security Service) ได้หยุดยั้งการรุกคืบของยูเครนไว้ได้ที่แคว้นเคิร์สก
ฝ่ายยูเครนยังไม่ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับสถานการณ์การสู้รบในแคว้นดังกล่าว แต่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีได้กล่าวยกย่องกองทัพยูเครนในวันพฤหัสบดีสำหรับการ “สร้างเซอร์ไพรส์” และประสบผลสำเร็จในปฏิบัติการของตน โดยไม่ได้เอ่ยชื่อแคว้นเคิร์สกออกมาเลย
- ที่มา: รอยเตอร์