ชาวอเมริกันส่วนใหญ่เห็นว่า ปธน.ไบเดน ทำหน้าที่ได้อย่างน่าพอใจ ในช่วง 100 วันแรก

USA, Washington, U.S. President Joe Biden delivers remarks on the administration's coronavirus disease (COVID-19)

การสำรวจความคิดเห็นประชาชนโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ส/อิปซอส (Reuters/Ipsos) พบว่า กว่าครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามพอใจกับการปฏิบัติหน้าที่ผู้นำประเทศของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ในช่วง 100 วันแรกของการดำรงตำแหน่ง โดยสัดส่วนของผู้ที่แสดงความพึงพอใจครั้งนี้สูงกว่าที่ อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เคยได้รับมาตลอดช่วงเวลา 4 ปีด้วย

จากการสอบถามความเห็นประชาชนจำนวน 4,423 คน ระหว่างวันที่ 12 ถึง 16 เมษายนที่ผ่านมา ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า ผู้ตอบแบบสอบถามราว 55 เปอร์เซ็นต์ พอใจกับผลงานของปธน.ไบเดน ขณะที่ 40 เปอร์เซ็นต์ไม่พอใจ และอีกประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ตอบว่า ไม่แน่ใจ

เมื่อดูในรายละเอียดของผลสำรวจ จะพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อผลงานของผู้นำสหรัฐฯ คนปัจจุบันในด้านการจัดการเศรษฐกิจ การสร้างงาน การรับมือกับวิกฤตโคโรนาไวรัส ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางเชื้อชาติ ปัญหาสิ่งแวดล้อม และการสร้างความสามัคคีในชาติ

ขณะเดียวกัน ผลงานของปธน.ไบเดน ที่มีผู้แสดงความไม่พอใจมากที่สุด คือ เรื่องของนโยบายตรวจคนเข้าเมือง ในช่วงเวลาที่รัฐบาลยังเผชิญปัญหาการหลั่งไหลเข้ามาอย่างหนักของผู้อพยพที่บริเวณพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกอยู่นี้

A migrant from Honduras seeking asylum in the United States stands in front of rows of tents at the border crossing, Monday, March 1, 2021, in Tijuana, Mexico. President Joe Biden is holding a virtual meeting with Mexican President Andrés Manuel…

สำนักข่าว รอยเตอร์ส ให้ความเห็นว่า รัฐบาลของปธน.ไบเดน ได้เปรียบพอสมควรที่มีเวลาเตรียมตัวนานนับเดือนในการวางแผนการรับมือวิกฤตโควิด-19 ก่อนขึ้นรับตำแหน่ง ซึ่งเกิดขึ้นหลังวัคซีนโควิดเริ่มมีออกมาใช้บ้างแล้ว ขณะที่ ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เป็นการเทียบกับสถานการณ์ช่วงการเกิดการระบาดใหญ่เมื่อปีที่แล้ว และมีผู้คนว่างงานหลายสิบล้านคน ทำให้สถิติในยุคของรัฐบาลชุดปัจจุบันดูดีได้ไม่ยากด้วย

อย่างไรก็ดี จูเลียน เซลิเซอร์ นักประวัติศาสตร์การเมืองจากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน ให้ความเห็นว่า สัดส่วนของประชาชนที่พึงพอใจกับผลงานของปธน.ไบเดน ในการสำรวจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงแรงสนับสนุนแผนงานใหญ่ต่างๆ ของรัฐบาล ซึ่งรวมถึง โครงการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ ปธน.ไบเดน กำลังเร่งผลักดันแผนพัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ และเตรียมที่จะเสนอปรับขึ้นอัตราภาษีสำหรับผู้มีฐานะเพื่อนำเงินไปจุนเจือโครงการช่วยดูแลเด็กและโครงการอื่นๆ สำหรับแรงงานอเมริกันอยู่