ผลการสำรวจความคิดเห็นคนอเมริกันจากสองสำนัก ชี้ให้เห็นตรงกันว่า คนอเมริกันเกินครึ่งหนึ่งยอมรับผลการทำงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในช่วงก่อนครบ 100 วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง
โดยนโยบายที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด คือการรับมือการระบาดของโควิด-19 ส่วนนโยบายที่ได้รับการยอมรับน้อยที่สุด คือมาตรการควบคุมคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย
ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดย Washington Post-ABC News ชี้ว่า ประธานาธิบดีไบเดนได้รับการยอมรับ 52% ในการทำงานช่วงที่ผ่านมา และมี 42% ที่ไม่ยอมรับ ขณะที่ผลการสำรวจอีกชิ้นหนึ่งของ NBC News ให้ตัวเลขยอมรับ 53% ไม่ยอมรับ 39%
เมื่อพิจารณาตามพรรคการเมือง พบว่า ผู้ที่ชื่นชอบพรรคเดโมแครตยอมรับการทำงานของปธน.ไบเดนถึง 90% จากการสำรวจของทั้งสองสำนัก ขณะที่ผู้ชื่นชอบรีพับลิกันยอมรับการทำงานของไบเดน 13% ในการสำรวจของ Washington Post-ABC News และ 9% ในการสำรวจของ NBC News ซึ่งแสดงให้เห็นความคิดเห็นทางการเมืองที่ยังแปลกแยกอย่างมากในหมู่คนอเมริกัน
ในส่วนของการรับมือการระบาดของโควิด ถือว่าเป็นจุดแข็งด้านนโยบายของประธานาธิบดีไบเดนในช่วงเกือบ 100 วันที่ผ่านมา โดยสามารถฉีดวัคซีนให้คนอเมริกันไปแล้วมากกว่า 200 ล้านโดสตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ซึ่งผลสำรวจระบุว่า คนอเมริกัน 64% และ 69% ยอมรับการทำงานในเรื่องนี้ของประธานาธิบดีคนใหม่
ผลการสำรวจของ NBC News ชี้ว่า ไบเดนได้รับการยอมรับ 52% ในด้านนโยบายเศรษฐกิจ, 49% ในด้านการแก้ปัญหาความแตกต่างด้านสีผิว, 35% ด้านการรับมือกับจีน, 34% ในด้านการควบคุมอาวุธปืน และ 33% ในด้านนโยบายควบคุมคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ เมื่อมองย้อนกลับไป 4 ปีที่แล้ว พบว่าอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับการยอมรับการทำงานในช่วงก่อนครบ 100 วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง ในระดับ 42% และไม่ยอมรับ 53%
ประธานาธิบดีไบเดน มีกำหนดจะแถลงต่อที่ประชุมร่วมของรัฐสภาสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกในวันที่ 28 เมษายนนี้ ในโอกาสครบรอบ 100 วันที่ทำหน้าที่บริหารประเทศ ซึ่งถือเป็นหลักไมล์สำคัญสำหรับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในยุคหลัง ๆ ในการตัดสินว่ามีความสำเร็จจากการบริหารประเทศในช่วงกว่าสามเดือนที่ผ่านมามากน้อยแค่ไหน
ปกติแล้ว วุฒิสมาชิกและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เกือบทุกคนจะเข้าร่วมฟังคำแถลงของประธานาธิบดี และมีแขกเหรื่อเข้าร่วมอีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งหมดประมาณ 1,600 คน แต่การแถลงในปีนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมเพียง 200 คน ภายใต้มาตรการควบคุมการระบาดของโคโรนาไวรัสอย่างเข้มงวดในกรุงวอชิงตัน
