รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน ประกาศอนุมัติให้นายจ้างในสหรัฐฯ สามารถจ้างคนงานต่างชาติเข้ามาทำงานตามฤดูกาลเป็นการชั่วคราวเพิ่มขึ้นในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศเริ่มฟื้นตัว
กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะอนุญาตให้มีการออกวีซ่าประเภท H-2B สำหรับแรงงานที่ไม่ใช่สำหรับภาคการเกษตรแต่เป็นงานตามฤดูกาลเพิ่มอีก 22,000 คน จากปกติที่สภาคองเกรสอนุญาตให้มีการออกวีซ่าประเภทนี้อยู่แล้วปีละ 66,000 คน โดยให้เหตุผลว่า เป็นเพราะความต้องการจากนายจ้างที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการคนว่างงานลดลงถึงระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 มา
ทั้งนี้ โครงการวีซ่า H-2B ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากสมาชิกทั้งสองพรรคใหญ่ในสภาคองเกรส รวมทั้งภาคธุรกิจทั่วประเทศ แต่ผู้ต่อต้านวิจารณ์ว่า นี่คือการแย่งงานจากชาวอเมริกัน มีจุดประสงค์ที่จะหาแรงงานให้สำหรับธุรกิจการจัดสวน การก่อสร้าง โรงแรมและภัตตาคาร รวมทั้งธุรกิจแปรรูปอาหารทะเลและเนื้อสัตว์ และบรรดาสวนสนุกต่างๆ ด้วย
กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ระบุว่า นายจ้างที่มีความประสงค์จะขอวีซ่าดังกล่าวให้กับลูกจ้างต่างชาติของตน ต้องแสดงให้เห็นก่อนว่าได้พยายามจ้างงานแรงงานชาวอเมริกันแล้ว และให้การรับรองว่า การไม่มีแรงงานต่างชาติสำหรับงานตามฤดูกาลจะทำให้มี “ความเสียหายเกินเยียวยา” ถึงจะมีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการนี้ได้
เมื่อปีที่แล้ว อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อนุมัติการเพิ่มจำนวนผู้ขอวีซ่าประเภทนี้เพิ่มอีก 35,000 ราย แต่ 3 เดือนต่อมาลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อระงับการดำเนินโครงการวีซ่า H2-B ไว้ชั่วคราว ด้วยเหตุผลที่จะรักษาตำแหน่งงานให้ชาวอเมริกันในช่วงวิกฤตโควิด-19 ซึ่งปธน.ไบเดน เพิ่งปล่อยให้หมดอายุไปเมื่อไม่นานมานี้
นอกจากการเพิ่มจำนวนวีซ่าแล้ว ทางการสหรัฐฯ ยังจัดสรรโควต้าวีซ่าจำนวน 6,000 ที่ให้กับประชาชนจากประเทศ ฮอนดูรัส เอลซัลวาดอร์ และกัวเตมาลา ซี่งรู้จักกันในชื่อ กลุ่มประเทศสามเหลี่ยมตอนเหนือของอเมริกากลาง ซึ่งประสบปัญหาหนักทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม อันเป็นผลมาจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และภัยพิบัติจากเฮอริเคน 2 ลูกในช่วงที่ผ่านมา