นักวิจัยจากสหรัฐฯ และยูเครนระบุว่า ชาติตะวันตกประสบความสำเร็จในความพยายามสกัดกั้นการส่งถ่ายชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของตะวันตกไปยังโรงงานของรัสเซียที่ต้องสงสัยว่า ทำหน้าที่ผลิตโดรนของอิหร่านซึ่งถูกใช้ในสงครามรุกรานยูเครน
ทำเนียบขาวเปิดเผยรายงานข่าวกรองของสหรัฐฯ ที่ตีพิมพ์ออกมาเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน และมีเนื้อความยืนยันว่า รัสเซียได้รับวัสดุและส่วนประกอบจากอิหร่านที่จำเป็นสำหรับการสร้างโรงงานผลิตโดรนโจมตีในเขตเศรษฐกิจพิเศษอาลาบูกา ในรัสเซีย
ก่อนหน้านี้ รัสเซียอ้างว่า ตนใช้ทรัพยากรที่มีในประเทศเพื่อผลิตโดรนสำหรับการโจมตียูเครน ขณะที่ อิหร่านยอมรับว่า ตนนำส่งโดรนให้กับรัสเซียจริง แต่เป็นการส่งมอบตั้งแต่ก่อนที่มอสโกจะส่งกองทัพบุกยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022
วีโอเอสอบถามไปยังสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียในกรุงวอชิงตัน และคณะผู้แทนอิหร่านประจำองค์การสหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก เกี่ยวกับรายงานเรื่องโรงงานอาลาบูกา แต่ไม่ได้รับการตอบกลับจากทั้งคู่ ขณะจัดทำรายงานข่าวนี้
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เพิ่งประกาศให้บริษัทรัสเซีย 11 แห่งอยู่ในรายชื่อองค์กรที่ต้องยื่นเรื่องของใบอนุญาตส่งออกชิ้นส่วนที่อยู่ภายใต้มาตรการควบคุมการส่งออก โดยอ้างว่า บริษัทเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับโรงงานต้องสงสัยในอาลาบูกา
เมื่อเร็ว ๆ นี้ วีโอเอ ได้สัมภาษณ์ เดวิด ออลไบรท์ ประธานของ Institute for Science and International Security ในกรุงวอชิงตัน เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว และออลไบรท์ “ยกย่องชมเชย” กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ สำหรับการขึ้นชื่อบริษัทรัสเซียเหล่านี้ ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณของความก้าวหน้าในการสกัดกั้นการนำส่งเทคโนโลยีของตะวันตกให้รัสเซีย
วลาดีสลาฟ วลาซิอุก นักวิจัยด้านมาตรการลงโทษจากยูเครน และที่ปรึกษาให้กับ อันดรีย์ เยอร์มัก หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ทำงานของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี เป็นอีกรายที่แสดงความชื่นชมต่อความคืบหน้าดังกล่าว โดยบอกกับ วีโอเอ ว่า ยูเครนยินดีที่รัฐบาลสหรัฐฯ ดำเนินการต่าง ๆ เพื่อขัดขวางอุตสาหกรรมทหารของรัสเซีย
ทั้ง ออลไบรท์และวลาซิอุกเห็นด้วยว่า รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต้องเดินหน้าลงมือทำการอื่น ๆ ต่อไปด้วย เพราะ ณ เวลานี้ สหรัฐฯ ยังไม่ได้ทำการลงโทษบริษัท JSC Alabuga ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานต้องสงสัยนี้ แม้ว่า จะมีการขึ้นชื่อบริษัทในเครืออื่น ๆ ไว้แล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม
ออลไบรท์ ระบุด้วยว่า ขณะที่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์กว่าครึ่งที่ใช้ในการผลิตโดรนชาเฮดของอิหร่านนั้นผลิตโดยบริษัทสัญชาติอเมริกัน มีชิ้นส่วนอีกจำนวนหนึ่งที่มาจากบริษัทที่ตั้งอยู่ในสวิสเซอร์แลนด์และเนเธอร์แลนด์
วีโอเอ ติดต่อไปยังรัฐบาลเนเธอร์แลนด์เกี่ยวกับประเด็นนี้และความเห็นของออลไบรท์ และกระทรวงการต่างประเทศเนเธอร์แลนด์ ตอบกลับว่า สิ่งที่ “มีความสำคัญในลำดับต้น ๆ” คือการป้องกันการหลบเลี่ยงมาตรการลงโทษต่าง ๆ ที่มีจุดมุ่งหมายทำให้รัสเซียไม่สามารถเดินหน้าทำสงครามในยูเครนต่อไปได้ และว่า “ในการบรรลุเป้าหมายนี้ เราดำเนินการต่าง ๆ มากมายร่วมกับหุ้นส่วนจากหลายประเทศ ... [แต่ทาง]กระทรวงไม่สามารถให้ความเห็นเกี่ยวกับการติดต่อกับบริษัทหรือองค์กรแต่ละแห่งได้”
ขณะเดียวกัน รัฐบาลสวิสยังไม่ได้ตอบกลับคำร้องขอความเห็นของวีโอเอที่ส่งไปยังสถานเอกอัครราชทูตสวิสเซอร์แลนด์ในกรุงวอชิงตัน ตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว
อย่างไรก็ดี นักวิจัยทั้งสองกล่าวว่า ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ชาติตะวันตกต้องพยายามมากขึ้นเพื่อสกัดไม่ให้ชิ้นส่วนของตนตกไปอยู่ในมือของโรงงานอาลาบูกาเพื่อใช้ผลิตโดรน
- ที่มา: วีโอเอ