ปูติน สั่งห้ามกองทัพไม่ให้บุกโจมตีที่มั่นสุดท้ายของทหารยูเครนในมาริอูโพล 

RUSSIA-POLITICS

ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ออกคำสั่งในวันพฤหัสบดีไปยังกองทัพรัสเซีย ที่ห้ามไม่ให้เดินหน้าบุกโจมตีโรงงานเหล็กในเมืองมาริอูโพล ซึ่งเป็นที่มั่นสุดท้ายของกองกำลังยูเครนในเมืองท่ายุทธศาสตร์สำคัญแห่งนี้

ปธน.ปูติน แจ้ง รัฐมนตรีกลาโหม เซอร์เก ชอยกู ในระหว่างการประชุมที่มีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ในวันพฤหัสบดีว่า กองทัพรัสเซียควรจะทำการปิดล้อมโรงงานดังกล่าว “เพื่อว่า แม้แต่แมลงวันสักตัวก็จะไม่สามารถบินผ่านได้” และสั่งการไม่ให้เดินหน้าโจมตีโรงงานนี้อีกต่อไป เพราะจะเป็นความเสี่ยงอันไม่จำเป็นต่อทหารรัสเซีย

รมต.ชอยกู รายงานต่อปธน.ปูติน ด้วยว่า มีทหารยูเครนราว 2,000 นายที่ตั้งมั่นอยู่ในโรงงานเหล็ก อาซอฟสตาล ขณะที่ พื้นที่ที่เหลือของมาริอูโพลนั้น “ได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระแล้ว”

ขณะเดียวกัน รองนายกรัฐมนตรี อิรีนา เวเรชชุค แห่งยูเครน เรียกร้องให้รัสเซียเปิดทางให้มีการอพยพพลเรือนและทหารที่ได้รับบาดเจ็บออกจากโรงงานแห่งนี้ ผ่านเส้นทาง “ระเบียงมนุษยธรรม” โดยระบุในข้อความที่โพสต์ผ่านอินเทอร์เน็ตในวันพฤหัสบดีว่า ในเวลานี้ “มีพลเรือนราว 1,000 คน และทหารที่ได้รับบาดเจ็บอีก 500 นาย ในโรงงานดังกล่าว และทุกคนต้องทำการอพยพออกจาก อาซอฟสตาล วันนี้”

รองนายกรัฐมนตรียูเครนยังกล่าวด้วยว่า รถบัสจำนวน 4 คันประสบความสำเร็จในการอพยพพลเรือนออกจากเมืองมาริอูโพลเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

รายงานข่าวระบุว่า มีการประเมินว่า ยังมีประชาชนกว่า 100,000 คนที่ยังตกค้างอยู่ในเมืองมาริอูโพล ซึ่งเคยมีประชากรราว 400,000 คนอาศัยอยู่ก่อนที่กองทัพรัสเซียจะบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์

FILE - FILE PHOTO: A view shows damaged buildings, with the Azovstal Iron and Steel Works plant in the background, in the southern port city of Mariupol, Apr. 19, 2022.

การต่อสู้ในเมืองท่าของยูเครนแห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการรุกรานของกองทัพรัสเซียเพื่อยึดครองแคว้นดอนบาสซึ่งมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์อย่างมาก และมอสโกได้เพิ่มกำลังทหารให้เข้าไปประจำในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่องด้วย

จอห์น อี เฮิร์บสท์ (John E. Herbst) ผู้อำนวยการอาวุโสของศูนย์ Eurasia Center แห่ง Atlantic Council และอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเครน บอกกับ วีโอเอ ว่า “จุดมุ่งหมายของมอสโกในเวลานี้คือ การขยายอิทธิพลการควบคุมของตนในภาคตะวันออกและภาคใต้ (ของยูเครน) หรือก็คือ การเข้ายึดเมืองคาร์คีฟ และเมืองโอเดสซาให้ได้” และว่า “แต่ทั้งหมดนี้คือ สิ่งที่ทำให้สำเร็จได้ยาก ก็เลยเลือกมาจัดการเมืองมาริอูโพลแทน”

นักวิเคราะห์บางรายให้ความเห็นว่า หากกองทัพรัสเซียสามารถเข้าควบคุมแคว้นดอนบาสได้อย่างสมบูรณ์ ทีมงานทางการทูตของมอสโกก็จะมีไพ่เหนือกว่า ในการเจรจาสันติภาพและในการเรียกร้องอิสรภาพในการปกครองตนเองให้กับแคว้นนี้ ขณะที่ นักวิเคราะห์ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประเมินว่า การต่อสู้ระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศในดอนบาส น่าจะเดินหน้าต่อไปอีกหลายเดือนกว่าจะถึงจุดสิ้นสุด