เจ้าหน้าที่ตำรวจแคนาดาเข้าสลายการประท้วงและจับกุมผู้เข้าร่วมการต่อต้านมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ที่บริเวณจุดผ่านแดนข้ามมาสหรัฐฯ ที่เป็นเส้นทางการขนส่งที่สำคัญที่สุดระหว่างสองประเทศ ส่งผลให้การชุมนุมที่ยืดเยื้อมาหลายวันและส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของทั้งสองยุติลงแล้ว ตามรายงานของสำนักข่าวเอพี
เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งจากหน่วยในท้องที่และจากส่วนกลางร่วมกันจัดตั้งศูนย์บัญชาการร่วมในกรุงออตตาวา เมืองหลวงของแคนาดา ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ชุมนุมประท้วงทำการยืดพื้นที่ไว้มาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ และทำให้ประชาชนผู้อยู่อาศัยในเมืองไม่พอใจอย่างมากที่ตำรวจไม่ลงมือทำการใดๆ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ พร้อมกดดันให้นายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด สั่งให้มีการดำเนินการยุติการชุมนุมนี้เสียด้วย
ทั้งนี้ การชุมนุมประท้วงโดยกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าเป็น “ขบวนเสรีภาพ” เพื่อต่อต้านมาตรการบังคับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาลที่เริ่มต้นที่ออตตาวา ได้ก่อกำเนิดการเคลื่อนไหวแบบเดียวกันนี้ในหลายประเทศทั่วโลกแล้ว เช่นที่ ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ และเนเธอร์แลนด์ ขณะที่ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ เตือนว่า กลุ่มคาราวานรถบรรทุกที่เข้าร่วมการชุมนุมในแคนาดานั้นอาจเป็นฝีมือของคนบางกลุ่มในสหรัฐฯ ก็เป็นได้
ขณะเดียวกัน รายงานข่าวเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองวินด์เซอร์ ซึ่งอยู่ติดกับพรมแดนสหรัฐฯ ได้จับกุมตัวผู้ประท้วงไว้ 12 ราย และทำการลากยานพาหนะ 7 คันเมื่อตอนรุ่งสางออกจากพื้นที่ใกล้ๆ กับสะพาน Ambassador Bridge ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสำคัญระหว่างแคนาดาและสหรัฐฯ และเชื่อมต่อโรงงานผลิตรถหลายแห่งในแคนาดากับนครดีทรอยต์ของสหรัฐฯ ด้วย
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการยืนยันว่า สะพานดังกล่าวจะเปิดใช้งานได้หรือไม่ แต่ ดรูว์ คิคเคลนส์ นายกเทศมนตรีเมืองวินด์เซอร์ แสดงความหวังที่จะทำการเปิดสะพานนี้ให้ได้ก่อนสิ้นวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น
และในวันอาทิตย์เช่นกัน รัฐบาลสหรัฐฯ แสดงความยินดีที่ทางการแคนาดาสามารถคลี่คลายสถานการณ์ที่บริเวณจุดผ่านแดนดังกล่าวได้อย่างสันติ และทำให้การชุมนุมที่กรุงวอชิงตันระบุว่า “สร้างผลกระทบอันมีความเสียหายเป็นวงกว้าง” ต่อ “การใช้ชีวิตและชีวิตของผู้คน” จากทั้งสองฟากของพรมแดนนี้ยุติลงได้
ดร.ลิซ เชอร์วู้ด-แรนดัลล์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์ว่า สหรัฐฯ พร้อมที่จะสนับสนุนแคนาดาเท่าที่จะทำได้ เพื่อทำการฟื้นฟูเส้นทางการขนส่งเชิงพาณิชย์เส้นนี้ให้กลับมาดำเนินการได้ตามปกติอีกครั้ง
- ที่มา: เอพี