นายกเทศมนตรีเมืองแคนาดา เปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมพร้อมที่จะใช้กำลังการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านมาตรการควบคุมการระบาดของโคโรนาไวรัส ที่ปิดกั้นเส้นทางขนส่งสำคัญระหว่างแคนาดาและสหรัฐฯ จนทำให้ผู้ผลิตรถในสหรัฐฯ หลายรายต้องปรับเปลี่ยนแผนงานของตน ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
การชุมนุมประท้วงของคนขับรถบรรทุกภายใต้กลุ่ม “ขบวนเสรีภาพ” เพื่อต่อต้านมาตรการบังคับฉีดวัคซีนโควิดของรัฐบาลแคนาดานั้นเริ่มต้นมาจากที่กรุงออตตาวา เมืองหลวงของประเทศ ก่อนจะขยายมาทำการปิดกั้นสะพาน Ambassador Bridge ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าข้ามแดนที่มีการใช้งานมากที่สุดจุดหนึ่งของอเมริกาเหนือเมื่อวันจันทร์ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่รัฐของทั้งสองประเทศเพื่อนบ้านต้องหาเส้นทางขนส่งใหม่มาทดแทนเพื่อไม่ให้กระทบเศรษฐกิจของตนไปกว่าที่เป็นอยู่
กลุ่มคนขับรถบรรทุกที่เข้าร่วมการประท้วงยังขยายการชุมนุมไปปิดกั้นจุดผ่านแดนเล็กๆ อีก 2 แห่ง ในรัฐแอลเบอร์ตาและรัฐแมนิโทบาแล้วด้วย
ดรูว์ ดิลเคนส์ นายกเทศมนตรีนครวินเซอร์ รัฐออนแทริโอ ซึ่งอยู่ติดชายแดนสหรัฐฯ บอกกับผู้สื่อข่าว ซีเอ็นเอ็น ว่า มีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเสริมกำลังที่บริเวณสะพาน Ambassador Bridge แล้ว และระบุว่า “(หาก) ผู้ประท้วงไม่ยอมถอนตัวออกจากพื้นที่ ก็จะต้องมีการดำเนินการบางอย่างขึ้น ซึ่งหมายถึง การใช้กำลังในการสลายการชุมนุม ที่เจ้าหน้าที่มีความพร้อมที่จะลงมือแล้ว”
รายงานข่าวระบุว่า 2 ใน 3 ของมูลค่าการค้าระหว่างแคนาดาและสหรัฐฯ ที่ 511,000 ล้านดอลลาร์ในแต่ละปี เป็นการขนส่งทางบก
ไบรอัน ดีส ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว บอกกับผู้สื่อข่าวสถานี MSNBC ว่า รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน กำลังเร่งปรับเปลี่ยนเส้นทางขนส่งสินค้ามาเป็นทางราง หรือใช้สะพานอื่นๆ หรือทางน้ำอยู่ในเวลานี้ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงออตตาวาเปิดเผยว่า มีแผนจะดำเนินมาตรการเข้มงวดเพื่อยุติการชุมนุมประท้วงที่ยึดพื้นที่ถนนใจกลางเมืองหลวงซึ่งเชื่อมต่อกับอาคารรัฐสภา ธนาคารกลางแคนาดา และสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นเวลาเกือบ 2 สัปดาห์แล้วด้วย