ฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ เริ่มการซ้อมรบร่วมกันครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น เพื่อแสดงแสนยานุภาพทางการทหารท่ามกลางการขยายอิทธิพลของจีนในภูมิภาคนี้
ทหารเกือบ 18,000 คนเข้าร่วมในการซ้อมรบประจำปีของฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ ภายใต้ชื่อ "บาลิกาตัน" หรือ "เคียงบ่าเคียงไหล่" ในภาษาตากาล็อกของฟิลิปปินส์ โดยครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการนำกระสุนจริงมาใช้ในการซ้อมรบในแถบทะเลจีนใต้ด้วย
ทหารอเมริกัน 12,200 คน ทหารฟิลิปปินส์ 5,400 คน และทหารออสเตรเลียมากกว่า 100 คน เข้าร่วมซ้อมรบเป็นเวลาสองสัปดาห์ ถือเป็นจำนวนที่มากกว่าปีที่แล้วราวสองเท่า
การซ้อมรบครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่กองทัพจีนเพิ่งเสร็จสิ้นการซ้อมรบเป็นเวลาสามวัน ซึ่งจำลองการโจมตีและสกัดกั้นไต้หวัน หลังจากที่ประธานาธิบดีไต้หวัน ไช่ อิง-เหวิน เพิ่งกลับจากการเยือนแถบอเมริกากลางและแวะหารือกับสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สร้างความไม่พอใจให้แก่รัฐบาลจีน
Your browser doesn’t support HTML5
การซ้อมรบบาลิกาตันในปีนี้จะรวมถึง การใช้เฮลิคอปเตอร์ทหารร่อนลงบนเกาะแห่งหนึ่งนอกชายฝั่งทางเหนือของเกาะลูซอน ห่างจากไต้หวันราว 300 กม. และจะซ้อมใช้ยานพาหนะสะเทินน้ำสะเทินบกบุกขึ้นฝั่งของเกาะพาลาวัน ไม่ไกลจากหมู่เกาะสแปรตลีย์ที่จีนและฟิลิปปินส์ต่างกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์ด้วย
พันเอกไมเคิล โลจิโก โฆษกกองทัพฟิลิปปินส์ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวหลังพิธีเปิดการซ้อมรบอย่างเป็นทางการว่า "เพื่อปกป้องอธิปไตยเหนือดินแดนของเรา เราจำเป็นต้องซ้อมการบุกยึดเกาะที่ถูกยึดไปคืนมา"
นอกจากนี้ยังจะมีการใช้ระบบป้องกันขีปนาวุธ แพทริออต (Patriot) และระบบยิงจรวดความแม่นยำสูง HIMARS ซึ่งใช้อยู่ในสงครามยูเครน ในการซ้อมรบครั้งนี้ด้วย
ความร่วมมือครั้งสำคัญข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการจัดซ้อมรบระหว่างสองประเทศนี้ภายใต้ประธานาธิบดีคนใหม่ของฟิลิปปินส์ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ผู้ให้ความสำคัญต่อการกระชับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ซึ่งเสื่อมถอยไปในสมัยของ โรดริโก ดูเตอร์เต ประธานาธิบดีคนก่อน
ช่วงไม่กี่เดือนมานี้ รัฐบาลฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ ตกลงรื้อฟื้นกิจกรรมการลาดตระเวนทางทหารร่วมกันในทะเลจีนใต้ พร้อมกับทำข้อตกลงขยายกิจกรรมทางทหารของอเมริกาในฟิลิปปินส์ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่รัฐบาลปักกิ่ง
ภายใต้ข้อตกลงที่ว่านี้ กองทัพสหรัฐฯ สามารถใช้ฐานทัพในฟิลิปปินส์เพิ่มอีก 4 แห่ง รวมถึงฐานทัพเรือที่อยู่ไม่ไกลจากไต้หวัน ทำให้ฟิลิปปินส์อาจกลายเป็นหนึ่งในพันธมิตรสำคัญที่สุดของสหรัฐฯ ในบริเวณนี้ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์จีนบุกรุกไต้หวันขึ้นจริง ๆ
รัฐบาลจีนกล่าวโจมตีสหรัฐฯ ว่า "สร้างความเสี่ยงต่อสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคนี้" สืบเนื่องจากข้อตกลงทางทหารกับฟิลิปปินส์ โดยทูตจีนประจำกรุงมะนิลา หวง ซีเหลียน กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า "ประเทศในส่วนนี้ของโลกจะต้องยึดมั่นต่อความเป็นอิสรภาพเชิงยุทธศาสตร์ และต่อต้านอย่างเข้มแข็งต่อแนวคิดสงครามเย็นและการเผชิญหน้า"
ขณะเดียวกัน ผู้ประท้วงราว 50 คน ชุมนุมต่อต้านการซ้อมรบครั้งนี้ด้านหน้าอาคารที่ทำพิธีเปิดการซ้อมรบ เรียกร้องให้รัฐบาลกรุงมะนิลายกเลิกกิจกรรมทางทหารนี้และขับทหารอเมริกันออกจากประเทศทันที
- ที่มา: เอเอฟพี