Your browser doesn’t support HTML5
เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์กำลังวางแผนใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้า เพื่อแก้ปัญหาความยากจนและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ แม้ขณะนี้ฟิลิปปินส์จะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจรวดเร็วที่สุดในเอเชียแล้วก็ตาม
ธนาคารโลกประเมินว่า เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ขยายตัวราว 6.7% เมื่อปี ค.ศ. 2017 และจะเพิ่มเป็น 6.8% ในปี 2018 โดยส่วนที่เติบโตชัดเจนที่สุด คือเงินส่งกลับบ้านจากชาวฟิลิปปินส์ที่ไปทำงานต่างประเทศ รวมทั้งงานแบบ Outsourcing และปริมาณการใช้จ่ายของผู้บริโภค
นอกจากนี้ ปธน.ดูเตรเต้ ยังมีแผนกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ผ่านการลงทุนของรัฐบาลในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่มูลค่าราว 169,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงการสร้างรางรถไฟ และอาคารที่พักผู้โดยสารสนามบิน รวมถึงการปรับปรุงกฎหมายเพื่ออนุญาตให้ต่างชาติครอบครองธุรกิจในฟิลิปปินส์ได้มากขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า โครงการลงทุนดังกล่าวจะช่วยให้มีเงินลงทุนจากต่างชาติหลั่งไหลเข้าสู่ฟิลิปปินส์มากขึ้น โดยปัจจุบัน การลงทุนจากต่างชาติมีสัดส่วนเพียง 3% ของเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ ซึ่งน้อยกว่าคู่แข่งสำคัญอื่นๆ ในเอเชีย เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และเวียดนาม
เมื่อต้นเดือนธันวาคม ปธน.โรดริโก้ ดูเตรเต้ ได้ลงนามในร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการจ้างงาน และดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ รวมทั้งเพื่อช่วยให้รัฐบาลมีเงินทุนมากขึ้นสำหรับแก้ปัญหาความยากจนของประชากรราว 1 ใน 4 หรือประมาณ 25 ล้านคน
คาดว่ากฎหมายภาษีฉบับใหม่จะช่วยสร้างรายได้ให้กับฟิลิปปินส์ราว 1,800 ล้านดอลลาร์ในปีแรก
คุณนาธาน ราเวลาส นักวิเคราะห์จากธนาคาร Banco de Oro Unibank ในกรุงมะนิลา กล่าวว่า ขณะที่ฟิลิปปินส์กำลังเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจ สิ่งที่ต้องการการพัฒนาควบคู่ไปด้วยคือ ประเด็นทางสังคม ซึ่งรวมถึง สุขภาพและความเป็นอยู่ของประชาชน การศึกษา และทักษะฝีมือต่างๆ
ภายใต้กฎหมายที่ว่านี้ บริษัทต่างๆ ในฟิลิปปินส์ จะจ่ายภาษีลดลงปีละ 2% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า จนกว่าภาษีจะลดจากระดับ 30% ในปัจจุบัน ลงไปเป็น 20%รวมทั้งจะมีการยกเว้นภาษีสำหรับผู้มีรายได้น้อย และเพิ่มภาษีสำหรับคนร่ำรวยในฟิลิปปินส์
คุณราหุล บาโฮเรีย นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร Barcleys ในสิงคโปร์ กล่าวว่า กฎหมายภาษีฉบับใหม่ของฟิลิปปินส์นั้นถือเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ เป็นการนำเงินภาษีจากคนรวยมาช่วยเหลือคนจน และลดภาษีภาคธุรกิจเพื่อกระตุ้นการจ้างงาน
รัฐบาลฟิลิปปินส์ตั้งเป้าว่า จะลดอัตราคนยากจนในประเทศจากระดับ 26% ในขณะนี้ เป็น 17% ภายในปี ค.ศ. 2020
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความกังวลว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์อาจไม่ประสบผลสำเร็จดังที่รัฐบาลคาดหวังไว้ สืบเนื่องจากการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในโครงการก่อสร้างต่างๆ ทำให้รัฐบาลประสบปัญหาการขาดดุลงบประมาณ และมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นมหาศาล
คุณเรนาโต้ เรเยส แห่งองค์กร Bagong Alyansang Makabaya ซึ่งเป้นองค์กรที่มีแนวคิดเสรีนิยม ระบุว่า รัฐบาลหลายชุดที่ผ่านมาต่างมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการปฏิรูปภาษี และการก่อสร้างโครงการต่างๆ เหมือนกับรัฐบาล ปธน.ดูเตรเต้ แต่ดูเหมือนไม่ประสบความสำเร็จมากนักในแง่ของการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน และแก้ปัญหาความยากจน แม้สิ่งที่แสดงออกมาบนหน้ากระดาษ คือตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ดูดีขึ้นก็ตาม
(ผู้สื่อข่าว Ralph Jennings รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)