มีคนกล่าวไว้ว่า สัตว์เลี้ยงนั้นนำมาซึ่งความสุขและมิตรภาพที่ดี แต่ความจริงนั้น มิตรที่สื่อสัตย์เหล่านี้อาจมาพร้อมใบเสร็จค่าดูแลรักษาอันสูงลิ่วได้ โดยเฉพาะสำหรับเจ้าของมือใหม่ที่ไม่ได้เตรียมการใด ๆ ไว้ก่อน ตามรายงานของสำนักข่าวเอพี
ว่าที่เจ้าของสุนัขและแมวจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจแต่ประเด็นบวกจากการมีเพื่อนขนปุยมาอยู่ในชีวิตเท่านั้น และไม่ได้นึกถึงประเด็นค่าใช้จ่ายที่จะตามมาและอาจหนักหน่วงจนกระทบความมั่นคงทางการเงินได้เลย
สัตว์แพทย์หญิงเวนดี เฮาเซอร์ ที่เป็นเจ้าของบริษัทที่ปรึกษาแห่งหนึ่ง ให้คำแนะนำว่า ประเด็นสำคัญของเจ้าของสัตว์เลี้ยงคือ การเลือกสัตว์ที่จะมีค่าใช้จ่ายเหมาะกับงบและไลฟ์สไตล์ของตนเองมากที่สุดไว้ก่อน
ศึกษาต้นทุนพื้นฐานของการมีสัตว์เลี้ยง
ในเบื้องต้นนั้น การเลี้ยงสุนัขหรือแมว 1 ตัว ค่าใช้จ่ายไม่ได้มีแค่ค่าตัวของสัตว์เลี้ยงตัวนั้นเท่านั้น
นั่นเป็นเพราะ สิ่งแรกที่เจ้าของต้องทำก็คือ การนำว่าที่เพื่อนสนิทไปหาสัตว์แพทย์เพื่อฉีดยาและตรวจสุขภาพเสียก่อน ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อยู่ที่ราว 200-300 ดอลลาร์ (ประมาณ 6,800-10,200 บาท) และเมื่อกลับมาบ้านกันแล้ว ก็ต้องมีการเตรียมที่อยู่/ที่นอน อาหาร ปลอกคอและเชือกล่าม รวมทั้งอุปกรณ์ตกแต่งขน และอื่น ๆ อีกมากมาย และแม้ทั้งหมดที่ว่านี้ไม่ใช่ของราคาแพง เมื่อรวมกันหลาย ๆ อย่างแล้ว ตัวเลขก็อาจพุ่งสูงก่อนจะรู้ตัวได้
ข้อมุลจากสมาคมผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงในอเมริกา (American Pet Products Association – APPA) ประเมินว่า เฉลี่ยค่าใช้จ่ายสำหรับการมีสุนัข 1 ตัวอยู่ที่ราว 1,400 ดอลลาร์ (ประมาณ 47,600 บาท) ต่อปี และที่ 1,200 ดอลลาร์ (ประมาณ 40,800 บาท) ต่อปี สำหรับการมีแมว 1 ตัว
หันมาดูไลฟ์สไตล์ของตัวเอง
ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องเดินทางเป็นประจำหรือการงานทำให้ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ค่าใช้จ่ายในการดูแลสัตว์เลี้ยงแสนรักก็จะเพิ่มขึ้นอีกสำหรับบริการรับฝากเลี้ยง
เอพีได้คุญกับ ลอเรน เกลเบอร์ ที่เพิ่งพาครอบครัวไปท่องเที่ยวเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ และบอกว่า เธอต้องควักเงินค่าฝากเลี้ยงสุนัข 2 ตัวของเธอกับโรงแรมสัตว์เลี้ยงแห่งหนึ่งเป็นมูลค่าราว 1,800 ดอลลาร์ (ประมาณ 61,200 บาท) โดยเธออธิบายว่า ตัวเลขค่อนข้างสูงเพราะสุนัขของเธอถูกจัดให้เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่
ขณะเดียวกัน เจ้าของบางรายไม่ต้องการนำสัตว์เลี้ยงไปฝากใครเลี้ยง และเลือกที่จะพาไปเที่ยวด้วย แต่นั่นก็หมายถึง ค่าเดินทางที่อาจเป็นค่าตั๋วเครื่องบินและค่าบริการพิเศษที่โรงแรมจะเรียกเก็บ
และในกรณีของผู้ที่ทำงานนอกบ้านวันละหลาย ๆ ชั่วโมง บางคนใช้วิธีจากคนช่วยเลี้ยงรายวันหรือรายครั้ง ซึ่งเกลเบอร์ก็เคยใช้บริการและบอกว่าคิดเป็นเงินเดือนละประมาณ 800 ดอลลาร์ (ราว 27,200 บาท)
พิจารณาดูสายพันธุ์ที่เหมาะ
สัตว์แพทย์หญิงเวนดี เฮาเซอร์ กล่าวว่า การหาข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์สัตว์เลี้ยงที่จะรับมาร่วมชีวิตด้วยก่อนล่วงหน้าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญไม่น้อย เพราะนอกจากจะทำให้เราประเมินได้ว่า สัตว์เลี้ยงตัวนั้น ๆ จะเข้ากับเราได้หรือไม่แล้ว เราจะยังคิดคำนวณภาระการเงินที่จะตามมาได้ด้วย
สัตว์แพทย์หญิงเฮาเซอร์ ยกตัวอย่าง แมวพันธุ์เมนคูน (Maine coon) ซึ่งเป็นแมวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่เป็นสายพันธุ์ที่มีสถิติการเจ็บป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับหัวใจสูงมาก ๆ และผู้เลี้ยงต้องเตรียมจ่ายค่าทำอัลตราซาวด์และค่าตรวจหัวใจปีละ 1-2 ครั้งไว้ด้วย
อีกตัวอย่างหนึ่งคือ เฟรนช์บูลด็อก ซึ่งสัตว์แพทย์หญิงเฮาเซอร์ระบุว่า เป็นสายพันธุ์ที่มีปัญหาสุขภาพมากมาย โดย ลอเรน เกลเบอร์ บอกว่า เธอเคยมีสุนัขพันธุ์นี้ 2 ตัวและแต่ละตัวก็มีปัญหาสุขภาพพอควรจนทำให้จ่ายค่ารักษาพยาบาลแบบฉุกเฉนถึง 4,000-6,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 136,000-204,000 บาท) เลยทีเดียว
นอกจากเรื่องการรักษาพยาบาลแล้ว ต้นทุนค่าอาหารก็เป็นปัจจัยที่ควรมีการนึกถึง เพราะสัตว์แต่ละสายพันธุ์มีความต้องการด้านพลังงานต่างกัน ซึ่งหมายถึงปริมาณและประเภทของอาหารที่มีราคาแตกต่างกันนั่นเอง
เตรียมพร้อมรับสิ่งไม่คาดฝัน
กรณีการเจ็บป่วยรุนแรงของสัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เช่นเดียวกันมนุษย์ ดังนั้น เจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องเตรียมใจควักเงินจำนวนไม่น้อย
สัตว์แพทย์หญิงเฮาเซอร์แนะนำว่า ขณะที่ ไม่มีใครคาดเดาอนาคตได้ สิ่งหนึ่งที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถทำเพื่อลดความเสี่ยงในเรื่องนี้คือ การนำสัตว์เลี้ยงเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพราะนั่นจะช่วยให้มีการตรวจพบความผิดปกติแต่เนิ่น ๆ และจะช่วยให้สัตว์เลี้ยงมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพได้ด้วย
นอกจากนั้น ในบางประเทศ การทำประกันสุขภาพสัตว์เลี้ยงก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่เจ้าของหลายรายรู้สึกว่า ไม่คุ้มสักเท่าใด
แต่ไม่ว่าจะมีประกันหรือไม่ สิ่งที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงควรมีก็คือ การออมเงินต่างหากเอาไว้เพื่อใช้สำหรับการดูแลรักษาสัตว์เลี้ยงแสนรักในกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
มองหาทางลดค่าใช้จ่าย
การลดค่าใช้จ่ายเป็นวิธีที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงควรปรับใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในยุคที่การจับจ่ายหาซื้อของผ่านระบบออนไลน์เป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้วสัมผัส
ด้วยเหตุนี้ คำแนะนำสำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยงยุคนี้ก็คือ อย่าหวั่นไหว-ใจง่าย และซื้อทุกอย่างที่เห็นตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ และลองไปเข้าร่วมกลุ่มต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กของชุมชนที่อยู่ใกล้ ๆ ตัวที่มีการแจกจ่ายของส่วนตัวกันโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งปัจจุบันมีอยู่มากมาย
นอกจากนั้น เจ้าของยังอาจลดค่าใช้จ่ายในการฝากเลี้ยงด้วยการรบกวนสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อน ๆ ให้ช่วยดูแลแทนบ้าง
แต่ไม่ว่าค่าใช้จ่ายในการมีสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งจะสูงเท่าใด เจ้าของทุกคนที่เอพีได้พูดคุยด้วยต่างยืนยันว่า ไม่มีใครเสียใจที่ได้มีเพื่อนสนิท 4 ขามาอยู่ด้วยเลย
-
ที่มา: เอพี