เหตุการณ์กราดยิงที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในรัฐจอร์เจียเมื่อวันพุธเป็นประเด็นที่เตือนให้หลายคนรับรู้ว่า อาวุธปืนคือสิ่งที่คร่าชีวิตชาวอเมริกันมากกว่าในประเทศรายได้สูงและมีขนาดใหญ่อื่น ๆ ตามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ ขณะที่ จุดยืนของสองผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนในประเด็นการควบคุมปืนยังคงแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างสุดขั้วกันอยู่
การเสียชีวิตของครูและเด็ก 4 คน รวมทั้งจำนวนผู้บาดเจ็บมากมายจากเหตุกราดยิงที่โรงเรียนมัธยม อปาลาชี ไฮสคูล (Apalachee High School) ในรัฐจอร์เจีย ด้วยปืนไรเฟิล เป็นสิ่งที่รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หยิบยกขึ้นมาพูดถึงในการขึ้นเวทีหาเสียงในรัฐนิวแฮมป์เชอร์เมื่อวันพุธ
แฮร์ริส กล่าวว่า “เราต้องหยุดการลุกลามอย่างรวดเร็วของเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดจากอาวุธปืนในประเทศของเราให้จบสิ้นไปได้แล้ว” พร้อมชี้ว่า เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยด้วย
ทั้งนี้ เรื่องของเหตุความรุนแรงจากปืนในสหรัฐฯ คือ ประเด็นสำคัญที่มีการหยิบยกขึ้นมาพูดกันอย่างมากในระหว่างการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครต (Democratic National Convention – DNC) ในปีนี้
ในส่วนของแฮร์ริสนั้น ทีมเดโมแครตได้ประกาศย้ำว่า จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ในลำดับต้น ๆ ตั้งแต่เริ่มหาเสียงเลือกตั้งมาแล้ว
ตัวแทนพรรคเดโมแครตเข้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า หากมีชัยในการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน พรรคเดโมแครตจะได้ผ่านร่างกฎหมายระวังภัยจากอาวุธปืนที่รวมถึงการบังคับให้มีการต้องตรวจสอบประวัติผู้ซื้อปืนในทุกกรณี และการห้ามขายอาวุธปืนจู่โจมเสียที
แฮร์ริสยังยืนยันด้วยว่า ตัวเธอต้องการจะนำเสนอมาตรการระวังภัยจากปืนในแบบที่สมเหตุสมผล และ “ไม่ได้พยายามจะยืดปืนจากมือของประชาชน”
ในประเด็นนี้ คริส บราวน์ ประธานศูนย์เบรดี้ (Brady: United Against Gun Violence) ที่ทำงานโดยมุ่งเน้นการป้องกันเหตุการณ์ความรุนแรงจากอาวุธปืน เชื่อมั่นว่า แฮร์ริสจะทำตามที่พูดได้อย่างแน่นอน
บราวน์กล่าวว่า รองปธน.แฮร์ริสนั้นพูดไว้ชัดเจนมาก ๆ ว่า ความรุนแรงจากอาวุธปืนซึ่งเป็นฆาตรกรอันดับหนึ่งที่คร่าชีวิตเด็ก ๆ ชาวอเมริกันนั้น คือ ปัญหาที่ต้องมีการจัดการในหลายระดับชั้นเพื่อแก้ไขให้สำเร็จ และต้องมีการนำเสนอนโยบายที่ดีกว่าที่มีอยู่ออกมาด้วย
ขณะเดียวกัน อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเหตุสะเทือนขวัญครั้งใหม่ในรัฐจอร์เจียผ่านโพสต์ทางแอปทรูธโซเชียล (Truth Social) โดยแสดงความเห็นใจต่อเหยื่อและเรียกมือปืนว่าเป็น “สัตว์ร้ายที่บ้าคลั่ง” ด้วย
ที่ผ่านมา ผู้ที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมในสหรัฐฯ มักออกมาสนับสนุนการใช้สิทธิ์ในการถือครองปืนอย่างต่อเนื่อง แต่ที่เวทีการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน (Republican National Convention – RNC) ในปีนี้ กลับมีการปรับเปลี่ยนแนวทางการนำเสนอเรื่องนี้พอควร หลังเกิดเหตุลอบสังหารทรัมป์ที่เวทีหาเสียง 2 วันก่อนการจัดงานดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เปลี่ยนจุดยืนของทรัมป์ต่อสิทธิ์การเข้าถึงปืนของชาวอเมริกันสักเท่าใด
ตัวแทนพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งปีนี้ กล่าวว่า “ถ้าคุณจะยึดปืน คุณทำไม่ได้ เพราะผู้คนต้องใช้ปืนเพื่อการปกป้องตัวเอง”
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอยู่ ทรัมป์ประกาศยืนหยัดเคียงข้างผู้ที่เป็นเจ้าของปืนอย่างเต็มที่ และต่อมา ยังสัญญาว่าจะผ่อนคลายข้อจำกัดต่าง ๆ ที่ประกาศใช้โดยรัฐบาลไบเดนด้วย
ส่วนกลุ่มที่สนับสนุนสิทธิ์การถือครองปืนกล่าวว่า หากเจ้าของปืนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน ผู้ที่สนับสนุนเรื่องนี้ก็น่าจะสามารถดึงเสียงสนับสนุนในรัฐสมรภูมิต่าง ๆ ให้กลับมาอยู่ในฝั่งอนุรักษ์นิยมได้สำเร็จ
อลัน กอตต์ลิบ รองประธานกลุ่ม Second Amendment Foundation ให้สัมภาษณ์กับ วีโอเอ ผ่านระบบสไกป์ ว่า การที่เจ้าของปืนที่เห็นด้วยกับนโยบายของฝั่งรีพับลิกันออกมาใช้สิทธิ์กันมาก ๆ จะช่วยนำมาซึ่งชัยชนะและการเปลี่ยนตัวผู้นำทำเนียบขาวให้มายืนในฝั่งเดียวกันกับเจ้าของปืนทั้งหลายได้ รวมทั้งจะทำให้ฝ่ายบริหารของรัฐบาลไม่เดินหน้าริดรอนสิทธิ์การถือครองปืน พร้อม ๆ กับการมีชัยในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการก้าวขึ้นมาเป็นฝ่ายครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาด้วย
อย่างไรก็ดี กอตต์ลิบ ยอมรับว่า ที่ผ่านมา ประเด็นเรื่องสิทธิ์การถือครองปืนไม่เคยเป็นเรื่องที่ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงให้ความสำคัญในลำดับต้น ๆ มากกว่าเรื่องเศรษฐกิจปากท้องและนโยบายการอพยพเข้าเมือง
- ที่มา: วีโอเอ