Your browser doesn’t support HTML5
ประธานาธิบดี Barack Obama พบกับคนหนุ่มคนสาวจากประเทศภาคีอาเซียนใน Town Hall ที่กรุงเวียงจันทน์เมื่อวันพุธ และเยี่ยมเยือนสหกรณ์กายอุปกรณ์ที่ให้บริการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากวัตถุระเบิดในสมัยสงครามเวียดนามด้วย
คนหนุ่มคนสาวเหล่านี้เป็นผู้ร่วมโครงการ Young Southeast Asian Leaders Initiative ซึ่งกระทรวงการต่างประเทสสหรัฐเป็นผู้ดำเนินการอยู่
ฟิลลิป พุทธิสาร สมาชิกของ YSEALI จากประเทศไทยมีโอกาสได้ถามคำถามประธานาธิบดี Obama ว่า “ในอีกสิบปีข้างหน้า สหรัฐอยากจะให้ผู้คนในชาติภาคอาเซียนคิดถึงสหรัฐอย่างไร และทำไม”
ประธานาธิบดีของสหรัฐกล่าวตอบโดยแสดงความหวังว่า ประธานาธิบดีคนใหม่จะดำเนินนโยบายการพบหารือเป็นประจำกับบรรดาผู้นำของภาคีอาเซียนนี้ต่อไป ซึ่งกำลังมีความร่วมมือกันอยู่ในหลายเรื่อง เช่น การพัฒนาเครือข่ายทางสาธารณสุข โดยนอกจากจะให้การบำบัดรักษาที่ดีขึ้นแล้ว ยังสามารถระบุโรคที่กำลังจะเกิดและจัดการป้องกันก่อนที่โรคนั้นจะระบาดออกไปได้
และยังมีเรื่องการตอบรับภัยธรรมชาติ เช่น ไต้ฝุ่น เพื่อให้หน่วยงานท้องถิ่นสามารถตอบรับเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการพัฒนาและการศึกษา ซึ่งงานเหล่านี้อาจต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล
ประธานาธิบดี Obama กล่าวแสดงหวังอีกด้วยว่า ในอีกสิบปีข้างหน้า จะเห็นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับบรรดาภาคีอาเซียนเป็นไปในเชิงลึกทุกด้าน และย้ำว่าอาเซียนเป็นภูมิภาคที่เติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก มีจำนวนคนหนุ่มคนสาวมากกว่าที่อื่นๆ และถ้าสหรัฐไม่สร้างความสัมพันธ์กับชาติภาคีอาเซียน ไม่มาเรียนรู้และเข้าใจวัฒนธรรมของภูมิภาคนี้ สหรัฐจะพลาดโอกาสและจะตามไม่ทันในที่สุด
ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวส่งท้ายใน Town Hall ที่กรุงเวียงจันทน์ว่า คนหนุ่มคนสาวเป็นกุญแจสำคัญของความก้าวหน้าและการพัฒนา และว่าจะต้องปรับปรุงมาตรฐานการศึกษา รวมทั้งต้องทำให้แน่ใจด้วยว่า ผู้หญิงจะมีส่วนในความก้าวหน้าที่เกิดขึ้น ไม่ใช่มีแต่ผู้ชายเท่านั้น
และในการเยือนสหกรณ์กายอุปกรณ์ ที่ให้การบำบัดช่วยเหลือผู้รับเคราะห์จากระเบิดในกรุงเวียงจันทน์ ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวถึงผลกระทบจากสงครามเวียดนามที่ทำความเสียหายเรื้อรังจนทุกวันนี้ให้กับประเทศลาวว่า “เหนือสิ่งอื่นใด การรับรู้ประวัติศาสตร์ของสงคราม และประสบการณ์อย่างเป็นรูปธรรมของประชาชนคนธรรมดาในสงคราม เป็นวิถีทางที่ทำให้โอกาสที่เราจะทำสงครามอีกเป็นไปได้น้อยลง”
ถ้อยแถลงของประธานาธิบดี Obama มีขึ้นหนึ่งวันหลังสหรัฐประกาศให้ความช่วยเหลือผู้รับเคราะห์จากวัตถุระเบิดและความพยายามขจัดวัตถุระเบิดในประเทศ มูลค่า 90 ล้านดอลลาร์
ทำเนียบไว้ท์เฮ้าส์กล่าวว่า ความช่วยเหลือดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของยุคใหม่ของความสัมพันธ์ ที่มีความมุ่งหวังร่วมกันที่จะรักษาบาดแผลในอดีต และสร้างพื้นฐานใหม่สำหรับอนาคต
ปัจจุบันสหรัฐและลาวกำลังร่วมมือกันในหลายเรื่อง รวมทั้งเศรษฐกิจ เทคโนโลยี การศึกษา การรักษาความมั่นคง สิ่งแวดล้อม และสิทธิมนุษยชน