เกาหลีเหนือทดลอง 'ขีปนาวุธเหนือเสียง' มุ่งท้าทายระบบป้องกันและความสัมพันธ์สหรัฐฯ-เกาหลีใต้

Foto del misil hipersónico norcoreano Hwasong-8 lanzado el 28 de septiembre de 2021. Foto divulgada por la agencia de prensa de Corea del Norte KCNA.

Your browser doesn’t support HTML5

North Korea Super Sonic Missile

เมื่อวันพุธ สำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือ รายงานเรื่องการทดสอบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงรุ่นล่าสุดของเปียงยาง ซึ่งนักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงชี้ว่าอาจสามารถหลบเลี่ยงระบบป้องกันตนเองของสหรัฐฯ รวมทั้งยังเป็นความพยายามเพื่อสั่นคลอนความเป็นพันธมิตรระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ ด้วย

สำนักข่าว KCNA ของทางการเกาหลีเหนือ รายงานว่า จรวดขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ชื่อ Hwasong-8 ซึ่งทดสอบเมื่อวันอังคารประสบความสำเร็จ โดยระบุว่าขีปนาวุธเหนือเสียงที่ว่านี้เป็นหนึ่งในบรรดาภารกิจที่สำคัญลำดับสูงห้าประการในแผนป้องกันประเทศห้าปี ที่นายคิม จอง อึนได้ประกาศไว้เมื่อเดือนมกราคมปีนี้

และว่าการทดสอบครั้งนี้ช่วยยืนยันเรื่องขีดความสามารถในการควบคุมขีปนาวุธ รวมทั้งขีดความสามารถของการบังคับเพื่อให้หลบเลี่ยงและเปลี่ยนทิศทาง และคุณสมบัติในการร่อนตัวของหัวรบเมื่อหลุดออกจากลำตัวจรวดแล้วด้วย

ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงที่สามารถปล่อยหัวรบให้ร่อนต่อไปได้เองหรือที่เรียกย่อ ๆ ว่า HGV นี้ นอกจากจะมีความเร็วกว่าเสียงถึงห้าเท่าแล้ว ยังบินในระดับต่ำและสามารถบังคับควบคุมทิศทางได้ด้วย ซึ่งทำให้ยากขึ้นที่จะตรวจจับหรือสกัดกั้น

Your browser doesn’t support HTML5

เกาหลีเหนือเผยยิงขีปนาวุธจากขบวนรถไฟสำเร็จครั้งแรก

และก็เป็นคุณสมบัติที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง อย่างคุณอดัม เมาท์ จากหน่วยงาน Federation of American Scientists เตือนว่า อาจเป็นขีดความสามารถของเกาหลีเหนือที่จะโจมตีเป้าหมายใด ๆ บนคาบสมุทรเกาหลีได้อย่างแม่นยำ รวมทั้งยังเป็นภัยคุกคามที่อาจทะลุทะลวงระบบป้องกันตนเองของสหรัฐฯ ทั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและบนพื้นทวีปอเมริกาได้ด้วย

ตั้งแต่ปี 2019 เมื่อการเจรจาระดับสุดยอดระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือล้มเหลวลง เปียงยางได้ทดสอบระบบอาวุธใหม่หลายครั้งที่มุ่งจะหลบเลี่ยงระบบป้องกันตนเองของสหรัฐฯ โดยระบบอาวุธดังกล่าวก็มีทั้งขีปนาวุธวิถีโค้งพิสัยไกล รวมทั้งจรวดขีปนาวุธแบบร่อนพิสัยใกล้ด้วย

นอกจากนั้น เกาหลีเหนือยังพัฒนาขีดความสามารถของการยิงจรวดจากฐานยิงเคลื่อนที่และจากเรือดำน้ำซึ่งก็ทำให้ยากขึ้นสำหรับการตรวจจับเช่นกัน

และเฉพาะสำหรับเดือนกันยายนนี้ เกาหลีเหนือได้ทดสอบจรวดไปแล้วสามครั้ง ทำให้นักวิเคราะห์อย่างคุณอดัม เมาท์ เตือนว่า ขีดความสามารถในการโจมตีที่เพิ่มขึ้นของเกาหลีเหนือแม้จะยังไม่มีการทดสอบอย่างสมบูรณ์ก็ตาม ทำให้สหรัฐฯ กับเกาหลีใต้ต้องเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์วิกฤติที่อาจเกิดขึ้นได้

SEE ALSO: เกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธ-อ้างต้านความมุ่งร้ายจากเกาหลีใต้

การตอบโต้ต่อนโยบายที่เป็นปฏิปักษ์

ในคำปราศรัยต่อสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ตัวแทนเกาหลีเหนือกล่าวว่า การพัฒนาจรวดขีปนาวุธของตนเป็นการตอบโต้ต่อนโยบายที่เป็นปฏิปักษ์ของสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้

โดยนักการทูตเกาหลีเหนือได้ประณามการมีทหารสหรัฐฯ อยู่บนคาบสมุทรเกาหลี รวมทั้งการซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้ และการเสริมสร้างศักยภาพของกองทัพเกาหลีใต้ด้วย แต่คำกล่าวโจมตีที่ว่านี้ก็ดูจะเป็นการส่งสัญญาณที่ขัดกันในตัวเองหลังจากที่คิม โย จอง น้องสาวของนายคิม จอง อึน ได้กล่าวว่า เกาหลีเหนือพร้อมที่จะเจรจากับเกาหลีใต้

และเกี่ยวกับเรื่องนี้ อาจารย์เมสัน ริชชี่ ของมหาวิทยาลัย Hankuk ในเกาหลีใต้วิเคราะห์ว่า ยุทธศาสตร์ของเกาหลีเหนือขณะนี้คือการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการทหารของตน และพยายามสร้างรอยแยกในความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ ไปพร้อมกัน เพราะประธานาธิบดีมูน แจ อิน ของเกาหลีใต้ ผู้ต้องการเจรจากับเกาหลีเหนือนั้นจะพ้นจากตำแหน่งในเดือนพฤษภาคมปีหน้า

ดังนั้น ผู้นำเกาหลีใต้คนปัจจุบันจึงตกอยู่ในฐานะที่ยากลำบากระหว่างการไม่ยั่วยุเกาหลีเหนือจากการทดสอบขีปนาวุธ กับการแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวเพื่อให้สหรัฐฯ พอใจ

อย่างไรก็ตาม อาจารย์เมสัน ริชชี่ เชื่อว่า ความเป็นพันธมิตรระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ ยังแน่นแฟ้นอยู่ในขณะนี้ แต่การทดสอบอาวุธของเกาหลีเหนืออาจมีผลช่วยเร่งการแข่งขันเพื่อสร้างสมอาวุธซึ่งจะบั่นทอนเสถียรภาพความมั่นคง ทั้งบนคาบสมุทรเกาหลีเองและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือได้ในที่สุด