สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สมาชิกกองกำลังติดอาวุธที่ต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา ได้ตัดสินใจถอยร่นไปจากเมืองมินดัต ในรัฐชิน ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเมียนมา หลังจากถูกโจมตีด้วยอาวุธหนักและปืนใหญ่โดยกองทัพเมียนมาติดต่อกันหลายวัน
ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ และอังกฤษ เรียกร้องให้กองทัพเมียนมาหลีกเลี่ยงการโจมตีประชาชน ในขณะที่รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติของเมียนมา หรือ NUG เรียกร้องให้ประชาคมโลกกดดันรัฐบาลทหารเมียนมาให้ปล่อยตัวนางออง ซาน ซูจี
การสู้รบที่เมืองมินดัตในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ถือเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่สุดระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังต่อต้านรัฐบาลทหารนับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์
โดยหนึ่งในสมาชิกกองกำลังต่อต้านรัฐบาลทหาร กล่าวว่า การถอยออกจากเมืองมินดัตมีขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับเมืองนี้ โดยขณะนี้เหลือเพียงผู้หญิงและเด็กอยู่ในเมืองมินดัตซึ่งถูกควบคุมโดยกองทัพเมียนมาแล้ว
เว็บไซต์ของ Radio Free Asia ซึ่งเป็นหนึ่งในสื่อที่ได้รับเงินทุนจากรัฐบาลอเมริกัน รายงานอ้างคำพูดของสมาชิกของกลุ่มดังกล่าวว่า มีนักรบของกลุ่มเสียชีวิต 5 รายจากการต่อสู้ ขณะที่สื่อของกองทัพเมียนมารายงานว่ามีทหารเสียชีวิตและสูญหายหลายรายเช่นกัน
กองกำลังป้องกันตนเองรัฐชิน คือหนึ่งในหลายกลุ่มที่จับอาวุธขึ้นต่อสู้กับรัฐบาลทหารเมียนมา และเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังป้องกันประชาชนของรัฐบาลเงา
ขณะเดียวกัน สถานทูตสหรัฐฯ และอังกฤษในเมียนมา แสดงความกังวลต่อการต่อสู้ในเมืองมินดัต โดยได้เรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมายุติทางใช้ความรุนแรงต่อประชาชน นอกจากนี้ยังขอให้สหประชาชาติเข้าร่วมในการสืบสวนการใช้ความรุนแรงของรัฐบาลทหารเมียนมาเพื่อนำผู้รับผิดชอบมาลงโทษด้วย
ทางด้านองค์กร Assistance Association for Political Prisoners หรือ AAPP รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 790 คนจากการปราบปรามของรัฐบาลทหาร