การประท้วงต่อต้านรัฐประหารในเมียนมายังคงเดินหน้าต่อเนื่อง ขณะที่ความรุนแรงจากการปราบปรามโดยหน่วยงานความมั่นคงยกระดับขึ้นจนทำให้มีประชาชนเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก
รายงานข่าวแจ้งว่า มีผู้ชุมนุมประท้วงเสียชีวิตอีกอย่างน้อย 2 รายในวันจันทร์ตามเวลาในเมียนมา ที่เมืองมิตจีนา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐกะฉิ่น ทางตอนเหนือของประเทศ
ภาพที่ถ่ายโดยผู้สื่อข่าว วีโอเอ ภาคภาษาพม่า แสดงให้เห็นเหยื่อกระสุนที่นอนจมกองเลือดบนถนนในเมือง และผู้ประท้วงบางคนที่ได้รับการดูแลอาการบาดเจ็บโดยหน่วยฉุกเฉิน รวมทั้งภาพสตรีผู้หนึ่งที่ได้รับการประคองให้ยืนขึ้นหลังได้รับบาดเจ็บหนักที่บริเวณแขน
การชุมนุมต่อต้านกองทัพเมียนมาในวันจันทร์เกิดขึ้นขณะที่กลุ่มพันธมิตรสหภาพการค้า 9 แห่งร่วมกันหยุดงานประท้วงเพื่อสนับสนุนประชาชนที่ออกมาชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร และเพื่อหวังกดดันรัฐบาลทหารที่กุมอำนาจอยู่ในเวลานี้
แถลงการณ์ร่วมของกลุ่มพันธมิตรสหภาพการค้าระบุว่า “การปล่อยให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและภาคธุรกิจเดินหน้าได้ตามปกติ ... มีแต่จะเป็นประโยชน์ต่อกองทัพ ที่กดขี่ขุมพลังของประชาชนชาวเมียนมาอยู่ ... และนี่ คือเวลาที่จะต้องลงมือทำการเพื่อปกป้องประชาธิปไตยของเราแล้ว”
ก่อนหน้านี้ ข้าราชการทั่วเมียนมา ซึ่งรวมถึงหน่วยงานการรถไฟ ได้ทำการหยุดงานประท้วงมาเป็นเวลากว่าสัปดาห์แล้ว
ส่วนที่นครย่างกุ้ง ร้านค้า โรงงาน และธนาคาร ปิดการให้บริการชั่วคราว ขณะที่ประชาชนรวมกลุ่มกันเพื่อเดินหน้าประท้วง แม้กองทัพทหารจะส่งเจ้าหน้าที่มาประจำการตรวจยานพาหนะที่เข้าออกเมืองแล้วก็ตาม
นอกจากที่นครย่างกุ้ง ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศแล้ว ชาวเมียนมายังรวมตัวกันตามเมืองต่างๆ เช่น เมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 และเมืองโมนยวา ทางภาคตะวันตกของประเทศ เป็นต้น
สำนักข่าว รอยเตอร์ส รายงานด้วยว่า ผู้ประท้วงหลายรายแสดงจุดยืนการชุมนุมด้วยการตกแต่งธงที่ทำมาจากผ้านุ่งโสร่งของผู้หญิงจำนวนหลายผืน บนเชือกหลายเส้นที่ขึงข้ามถนน เพื่อเป็นการระลึกถึงวันสตรีสากล พร้อมๆ กับเป็นการประณามรัฐบาลทหารไปด้วย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีการปะทะอย่างรุนแรงระหว่างผู้ชุมนุมประท้วงและเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ที่เข้ายึดโรงพยาบาลหลายแห่งในนครย่างกุ้ง ขณะที่ ผู้ชุมนุมในเมืองมัณฑะเลย์รวมตัวกันเป็นจำนวนมากที่สุด เพื่อร่วมนั่งประท้วง หลังสงบนิ่งเป็นเวลา 2 นาทีเพื่อไว้อาลัยและเป็นเกียรติแก่ผู้เสียชีวิตจากน้ำมือของตำรวจและทหาร ก่อนที่จะมีผู้ถูกจับกุมอย่างน้อย 70 ราย