Your browser doesn’t support HTML5
นโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรื่องการห้ามผู้ลี้ภัยและชาวมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐฯ มาจากการกล่าวอ้างซึ่งยังไม่มีหลักฐานพิสูจน์ยืนยันว่าคนเหล่านี้จะก่อการร้ายในสหรัฐฯ จริง
นักวิชาการชี้ว่าความกลัวผู้อพยพที่จะเข้าไปก่อเหตุร้ายนั้น เป็นเรื่องวิตกเกินกว่าเหตุ และว่าการโจมตีแบบก่อการร้ายในช่วงหลังนี้มาจากชาวมุสลิมหัวรุนแรงที่เกิดในสหรัฐฯ เสียเป็นส่วนใหญ่
โดยคนเหล่านี้แทบไม่มีความเกี่ยวพันกับต่างประเทศเลย
และอาจารย์ Charles Kurzman ผู้สอนวิชาสังคมวิทยาที่ University of North Carolina กล่าวว่า มาตรการคัดกรองผู้อพยพเข้าประเทศของสหรัฐฯ เข้มงวดและรัดกุมขึ้นมากหลังเหตุการณ์โจมตีเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 หรือเมื่อ 16 ปีที่แล้ว
อาจารย์ Charles Kurzman ให้ตัวเลขด้วยว่า ในช่วง 16 ปีหลังนี้ มีชาวอเมริกันมุสลิม 414 คนที่เกี่ยวข้องกับแผนก่อความรุนแรงในประเทศ
โดย 217 คนเป็นพลเมืองที่เกิดในสหรัฐฯ 60 คนได้รับการแปลงสัญชาติ 39 คนถือกรีนการ์ด 38 คนเป็นผู้ลี้ภัย และ 15 คนเป็นผู้เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย
เหตุการณ์รุนแรงเหล่านี้ทำให้มีคนอเมริกันเสียชีวิตไป 123 คน
อย่างไรก็ตาม จำนวนดังกล่าวยังนับว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับผู้ที่เสียชีวิตจากฆาตกรรมและเหตุรุนแรงต่างๆ ในสหรัฐฯ ซึ่งมีมากถึง 240,000 คนในช่วงเดียวกันคือ 16 ปีหลังนี้
ส่วนนาย Alex Nowrasteh นักวิเคราะห์ด้านนโยบายคนเข้าเมืองของ Cato Institute ให้ตัวเลขว่า โอกาสการเสียชีวิตจากการโจมตีของผู้ก่อการร้ายในสหรัฐฯ นั้นต่ำมาก คือมีเพียง 1 ใน 36 ล้านต่อปี จากผู้ก่อการร้ายที่เกิดในต่างประเทศ
และ 1 ใน 3,640 ล้านต่อปีจากผู้อพยพเข้าเมืองในสหรัฐฯ