กฎห้ามเข้าประเทศของผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เผชิญปฏิกิริยาตอบรับด้านลบจากนานาชาติ
ภายใต้กฎดังกล่าวประชาชนของประเทศ อิหร่าน อิรัก ซูดาน ซีเรีย ลิเบีย เยเม็น และโซมาเลียจะไม่สามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯ เป็นเวลา 90 วัน
นอกจากนั้น ประธานาธิบดีทรัมป์ยังออกฎเพิ่มเติมที่ห้ามรับผู้ขอลี้ภัยจากซีเรียโดยไม่มีกำหนดและผู้ขอลี้ภัยเข้าสหรัฐฯ จากประเทศอื่นๆ ทั้งหมดเข้าอเมริกาเป็นเวลา 120 วัน
โดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่าคำสั่งที่ตนออกเหล่านี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่สหรัฐฯต้องมีการคัดกรองผู้เข้าประเทศอย่างละเอียดเพื่อรักษาความปลอดภัยในอเมริกา
เขาบอกด้วยว่าผู้ที่เดินทางเข้าสหรัฐฯควรมีแต่คนที่สนับสนุนสหรัฐฯเท่านั้น
อิหร่านซึ่งเป็นหนึ่งใน 7 ประเทศที่ประชาชนของตนได้รับผลกระทบจากกฎใหม่ของสหรัฐฯ ประกาศตอบโต้ว่า อิหร่านจะห้ามไม่ให้ชาวอเมริกันทั้งหมดเดินทางเข้าประเทศ
อย่างไรก็ตามที่แตกต่างจากนโยบายของสหรัฐฯ คือรัฐบาลกรุงเตหรานไม่ห้ามชาวอเมริกันผู้ที่มีวีซ่าอย่างถูกต้องเข้าประเทศอิหร่าน
โฆษกของนายกรัฐมนตรีอังเคอล่า เมอร์เคิ่ลของเยอรมนีกล่าวว่าผู้นำเยอรมนีเข้าใจว่า แม้จะพิจารณาถึงความจำเป็นที่ต้องต่อสู้กับการก่อการร้าย เหตุผลนี้ก็ยังไม่เพียงพอที่จะสร้างความสงสัยในตัวประชาชนที่มาจากประเทศใดประเทศหนึ่งหรือที่มีความเชื่อในศาสนาใดศาสนาหนึ่งทั้งหมด
ส่วนนายยกรัฐมนตรี เทอเรสซ่า เมย์ถูกตำหนิอย่างรุนแรงจากนักการเมืองภายในอังกฤษ ในกรณีที่เธอยังไม่ประณามคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์
นายยกรัฐมนตรีเมย์กล่าวระหว่างการเยือนตุรกีว่า สหรัฐฯ มีความรับผิดชอบกฎของประเทศตนเรื่องนโยบายผู้ลี้ภัยและอังกฤษก็เช่นกันที่มีความรับผิดชอบของตนเองเรื่องนโยบายผู้ลี้ภัย
อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเดินทางกลับถึงอังกฤษ นายกรัฐมนตรีเมย์ กล่าวว่าอังกฤษไม่เห็นด้วยกับการห้ามชาวมุสลิมบางประเทศเดินทางเข้าสหรัฐฯของประธานาธิบดีทรัมป์
เธอกล่าวเสริมว่าอังกฤษจะไม่ใช้นโยบายดังกล่าวต่อผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ
และที่ฝรั่งเศสรัฐมนตรีต่างประเทศ ฌ็อง-มาร์ก เอโร ตอบคำถามนักข่าวเกี่ยวกับคำสั่งล่าสุดของโดนัลด์ ทรัมป์โดยกล่าวว่าการรับผู้ลี้ภัยที่หนีภัยสงครามและการถูกกดขี่เป็นหน้าที่หนึ่งของประเทศฝรั่งเศส
สำหรับอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศที่มีชาวมุสลิมจำนวนมากที่สุดในโลก รัฐมนตรีต่างประเทศ เร็นโต้ มาร์ซูดิบอกกับสำนักข่าวรอยเตอรส์ว่าอินโดนีเซียรู้สึกเสียใจอย่างลึกซึ้งต่อนโยบายของสหรัฐฯ
ท้ายสุด นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของแคนาดาบอกผ่านทวิตเตอร์ว่าชาวแคนาดาต้อนรับผู้ที่เดินทางหนีการถูกคุกคาม ภัยสงครามและความโหดร้าย โดยไม่คำนึงว่าคุณนับถือศาสนาใด ความหลากหลายในสังคมคือจุดแข็งของประเทศเรา
และนายกรัฐมนตรี ทรูโดยังได้ทวีตรูปของตนกับเด็กชายชาวซีเรียที่เดินทางเข้ามาที่สนามบินเมืองโตรอนโต้ด้วย
รายงานโดย Fern Robinson /เรียบเรียงโดย รัตพล อ่อนสนิท