เมื่อพูดถึงหนังตระกูล Terminator คนเหล็กมหากาพย์ที่หลายคนร้องว้าวเมื่อยามวัยเยาว์ กับแอคชั่นไซไฟเทคนิคแพรวพราวตระการตาในอดีต
มาคราวนี้ผู้สร้างผู้เขียนบทและกำกับถึงกับโปรโมตอย่างอลังการว่า นี่คือภาคต่อจาก Terminator: Judgement Day ที่แท้จริงกับ Terminator: Dark Fate หรือในชื่อไทย ฅนเหล็ก: วิกฤตชะตาโลก
ในภาคนี้ Terminator: Dark Fate หรือในชื่อไทย ฅนเหล็ก: วิกฤตชะตาโลก เล่าถึงแดนี หญิงสาวโรงงานเม็กซิกัน ได้กลายเป็นเป้าหมายสำคัญของหุ่นยนต์สังหารรุ่นใหม่ REV-9 ที่โหดเหี้ยมไร้ความปรานี สามารถเปลี่ยนร่างเป็นใครหรืออะไรก็ได้ แถมยังมี 2 ร่างที่แยกได้รวมได้อีก
ทาง แดนี ได้รับความช่วยเหลือจาก เกรซ ไซบอร์กรุ่นปริศนาจากอนาคต รวมทั้งซาราห์ คอนเนอร์ ที่พบหนทางในการเป็นนักล่าหุ่นสังหาร และหุ่น T-800 ในรูปแบบที่คาดไม่ถึง
ถือเป็นชะตากรรมอันมืดมิดของมหากาพย์คนเหล็ก ที่ตัวละครหลักสัญลักษณ์แห่งคนเหล็กอย่างลินดา แฮมิลตันและอาร์โนลด์ ชวาสเนกเกอร์ ก็ร่วงโรยไปตามอายุขัย การพึ่งพาแต่หุ่น T-800 กับซาราห์ คอนเนอร์อาจจะไม่ได้เกินภาคนี้อีกแล้ว จึงต้องนำมาเป็นตัวเอกชูโรงก่อนลากคนดูเข้าสู่หน้าใหม่แห่งจักรวาลคนเหล็กให้ได้
โจทย์นี้ถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่ง ในการสร้างบรรยากาศให้ผู้คนหวนรำลึกถึงซาราห์ คอนเนอร์ มารดาของผู้เปลี่ยนโลกอนาคตหลังจักรกลเข้ายึดครอง ที่เผชิญชีวิตกงกรรมกงเกวียนที่หุ่นยนต์สังหารเวียนว่ายมารังควานเธอและลูก (จอห์น จอนเนอร์ในตำนาน) ปมในอดีตผลักดันให้ซาราห์ ผันตัวจากเหยื่อมาเป็นผู้ล่าหุ่นสังหารแทน
ในแง่ตัวละครหลักจากภาคเก่า ถือว่าลินดาเอาอยู่ในการแสดงบู๊และดราม่าด้วยลุคเท่ๆของเธอ ขณะที่อาร์โนลด์ ในลุคหุ่น T-800 ถือว่าทำได้ตามมาตรฐาน ด้วยบทดราม่าและคอมาดี้เล็กๆชวนประทับใจ แต่ให้ซีนป๋าอาร์โนลด์น้อยไปหน่อย เพราะต้องเปิดทางให้ตัวละครใหม่เสีย 70-80% ของเรื่องนี้
ส่วนตัวละครใหม่ที่ได้รับบทเด่นและดุดัน คือ แมคเคนซีย์ เดวิส ในบทเกรซ สาวมนุษย์กึ่งไซบอร์กจากโลกอนาคต ถือเป็นสีสันสดใหม่และน่าจับตาของภาพยนตร์เรื่องนี้ ด้วยลุคสวยเท่ห์แกร่งไม่เบา พอให้สาวๆเรากรี๊ดได้อยู่พอสมควร เรียกว่าโผล่มาน่ามองแม้จะสภาพยับเยิบขนาดไหนก็ยังดูสวยเท่ห์อยู่ดี
ด้านหุ่นสังหาร REV-9 ถือว่าโหดใช้ได้ แต่ลุคของพี่หุ่นนั้น ไม่ชุดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เหมือนกับพ่อหนุ่มบ้านๆในชุดลายสก็อต เห็นแล้วอยากร้องไห้หนักมากกับคอสตูมที่เหมือนกลั่นแกล้งนักแสดง
ส่วนตัวบทนั้น ก็ถือว่ามาเป็นเส้นตรงและไม่แตกต่างจากการภาคก่อนๆ เหมือนย่ำกับที่ เพียงแต่บิดปมสำคัญในเรื่องเพื่อให้ทันยุคทันสมัยขึ้นบ้างเล็กน้อย เช่น การชูประเด็นของฮีโร่ฝ่ายหญิงที่แข็งแกร่งขึ้น แทนที่จะวังวนอยู่กับการพิทักษ์มวลมนุษยชาติของตระกูลคอนเนอร์อยู่อย่างเดิม และข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้ คือ อย่ารอให้โชคชะตามาถึงและยอมรับมันแต่ฝ่ายเดียว เพราะเราสามารถลงมือทำบางสิ่งในวันนี้เพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคตได้
(บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดยนีธิกาญจน์ กำลังวรรณ)