ถือเป็นการหยิบกระแสเกมไขปริศนาในห้องลับ Escape Room ที่กำลังได้รับความนิยมจากทั่วทุกมุมโลก
ด้วยสเน่ห์ของการใช้ไหวพริบปฏิภาณ การทำงานเป็นทีม เพื่อปลดพันธนาการของผู้เล่นและทีมออกจากการกักขังอยู่ในห้องที่จำลองสถานการณ์ต่างๆ
บวกกับข่าวอันน่าสะพรึงที่เกิดขึ้นในช่วงที่ภาพยนตร์กำลังเข้าฉาย กับเหตุเพลิงไหม้ Escape Room ของจริงในโปแลนด์ ที่คร่าชีวิตวัยรุ่น 5 คน ยิ่งดึงดูดให้หลายคนอยากไปสัมผัสความน่าสะพรึงกลัวแม้จะอยู่ในหนังก็ยังดี
ภาพยนตร์ระทึกขวัญ Escape Room หยิบชื่อของเกมไขปริศนาในห้องลับ จับเรื่องราวของคนแปลกหน้า 6 คน ที่ต้องหาทางออกจากการกักขังในห้องลับต่างๆ ทั้ง 6 ห้อง เพื่อแลกกับเงินรางวัลก้อนโต โดยที่พวกเขาไม่รู้ว่ากำลังเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงแบบไม่มีทางหันหลังกลับ
พูดถึงคอนเซปต์ของหนังใช้การเกาะกระแสเกมดังให้เข้าถึงตัวภาพยนตร์ได้ง่าย ตัวฉากต่างๆ ในห้องลับ ทำได้น่าติดตามและร่วมลุ้นในการเอาตัวรอดของผู้เล่นแต่ละคน ตัวนักแสดงหน้าใหม่ๆ เหมาะกับหนังหวีดหนังระทึกขวัญ
ส่วนการลากเข้าเรื่องและค่อยๆคลายปมในเรื่องนั้นยังเหมือนการยัดเยียดให้คนดูไปหน่อย แต่เชื่อว่าคนดูคงไม่ถือเพราะตั้งใจมาดูความโหดดิบสยองที่ควรจะเป็นจุดขายของเรื่อง แต่นั่นกลับเป็นอีกจุดอันน่าหงุดหงิดใจหากเป็นคนชื่นชอบหนังระทึกขวัญ เพราะหนังก็ไม่ตอบโจทย์ถึงขั้นนั้น ผู้เขียนบทยังต้องพยายามขึ้นมากกว่านี้เพราะไม่มีภาพจำของภาพยนตร์เลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่เก็บมาได้ระหว่างเรื่อง คือ ภาพยนตร์ที่ปลดปล่อยสัญชาตญาณดิบในจิตใจคน อย่างตระกูลหนังตัด-ต่อ-ตาย อย่าง Saw หรือ วันเข่นฆ่าแห่งชาติอย่าง The Purge ที่เห็นการฆ่าคนเหมือนกับการล่าสัตว์ ยังคงเรียกความสนใจจากคอภาพยนตร์ได้อยู่ไม่เสื่อมคลาย
สรุปรวมแล้ว สำหรับมาตรฐานของคนที่ไม่ชอบหนังสยองขวัญหรือระทึกขวัญมากมายก็อยู่ในระดับที่พอชมได้ แต่หากอยากสัมผัสความระทึกใจแบบหัวใจจะวาย เรื่องนี้ไม่ตอบโจทย์คนดูเหมือนกับจักรวาลหนังโหด ซึ่งหากมีเวลาว่างพอก็สามารถไปรับชมให้หัวใจเต้นแรงกันได้
(บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย นีธิกาญจน์ กำลังวรรณ)
SEE ALSO: คุยหนัง Escape Room