Your browser doesn’t support HTML5
ภาพยนตร์ดูเหมือนมาผิดที่ผิดเวลา สำหรับการผจญภัยของมนุษย์หิมะในจินตนาการ ซึ่งน่าจะถูกใจน้องๆหนูๆ ที่เปิดเทอมกันไปหมดแล้วในอเมริกา กับ Abominable ผลงานล่าสุดของ DreamWorks Animation ผู้สร้างเขี้ยวกุดใน How To Train Your Dragon ให้โดนใจน้องๆหนูๆและผู้ปกครองมาถึง 3 ภาค และค่าย Pearl Studio ของจีน
Abominable เล่าถึง ยี่ หรือ อี้ สาววัยรุ่นที่เพิ่งสูญเสียคุณพ่ออันเป็นที่รัก และกลายเป็นเด็กเก็บตัวจากคุณแม่และยาย ได้ไปพบกับ เอเวอร์เรสต์ เยติหรือมนุษย์น้ำแข็งบนหลังคาอพาร์ทเมนต์ของเธอในเซี่ยงไฮ้โดยบังเอิญ เธอจึงได้ช่วยพาเอเวอร์เรสต์กลับไปยังบ้านเกิดของมันบนเทือกเขาหิมาลัย ด้วยความช่วยเหลือของ จินและเป็ง เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันซึ่งอยู่ในอพาร์ตเมนต์เดียวกัน แต่ภารกิจนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทั้ง 3 ต้องเจอกับเบอร์นิช มหาเศรษฐี และดร.ซาร่า นักสัตววิทยา ที่พยายามจับเยติมาอวดชาวโลกให้ได้
โดยเนื้อเรื่องแล้วถือว่าเหนือจินตนาการจึงตัดความสมเหตุสมผลของเรื่องไปได้ทันที เลยขอไปที่ความสวยงามของฉากต่างๆ ทั้งที่เซี่ยงไฮ้ และเส้นทางไปยังเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งก็ดูได้มาตรฐานฮอลลีวู้ด หมายถึงไม่ได้ลงรายละเอียดมากเน้นความสวยงามดูเพลินเป็นพอ ชอบความละเอียดของการเคลื่อนไหวของตัวละคร เช่น การเล่นไวโอลินที่เป็นจุดขายของเรื่องที่ใส่ใจไปถึงการวางนิ้วบนไวโอลิน
ไปดูตัวละครต่างๆกันบ้าง เริ่มที่ ยี่ ซึ่งในเรื่องดูมีความเป็นตะวันตกจ๋ามากเกินทั้งที่ตัวเองเกิดและเติบโตในเซี่ยงไฮ้ ส่วนเป็งเป็นเด็กน้อยผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นนักบาสเก็ตบอล และจินดูเป็นภาพที่ชัดที่สุดในเรื่องของเด็กวัยรุ่นที่ติดโซเชียลมีเดียจ๋า คลั่งไคล้การซื้อรองเท้าผ้าใบและเสื้อผ้าแพงๆ ซึ่งการเดินทางของเรื่องก็ทำให้ทั้ง 3 คนได้เปิดใจเรียนรู้และปรับตัวเข้าหากัน โดยมีเจ้าเอเวอร์เรสต์โผล่มาทำหน้าตาบ้องแบ๊วตลอดเรื่อง
โดยส่วนตัวคิดว่าตรรกะของตัวละครต่างๆนั้น ค่อนข้างจะเป็นตะวันตกมากกว่าตะวันออกอยู่พอสมควร เช่น การทำตามความฝันความต้องการของตัวเอง การพยายามหลีกหนีจากครอบครัวเมื่อสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ก่อนที่จะมาพยายามใส่ความเป็นครอบครัวกลมเกลียวให้เหมือนฝั่งตะวันออกในช่วงท้ายพอประมาณ พอได้ takeaway เล็กๆว่า ไม่ว่าชีวิตจะยากเย็นแค่ไหน ก็อย่ายอมแพ้ และหากเราตั้งใจทำอะไรแล้ว ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้!
โดยสรุปแล้ว Abominable น่าจะเป็นหนังภาพเดียวจบม้วนที่ไม่ถึงกับเป็น The Must ในตัวผู้วิจารณ์
(บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดยนีธิกาญจน์ กำลังวรรณ)