ขณะที่ผลงานบันเทิงหลายเรื่องซึ่งรอการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์กำลังค่อยๆ ทยอยถูกบรรจุเข้ารายการนั้น แต่แฟนภาพยนตร์หรือคอหนังอาจยังไม่พร้อมจะกลับไปหาความบันเทิงในโรงภาพยนตร์อย่างเต็มที่เหมือนเมื่อก่อน
เพราะขณะที่ตัวเลขผู้ชมภาพยนตร์บางกลุ่มโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ชมวัยรุ่นหนุ่มสาวดูเหมือนจะกลับมาใกล้ระดับก่อนโควิด-19 นั้น แต่แฟนภาพยนตร์กลุ่มที่มีอายุมากกว่าและแฟนหนังประเภทครอบครัวดูจะยังไม่พร้อมเท่า ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเนื่องจากระดับความระมัดระวังตัวต่อโควิด-19 ของคนกลุ่มต่างๆ นั้นไม่เท่ากัน
อย่างไรก็ตามแม้เรื่องนี้จะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการทำรายได้ของภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่แนวซุปเปอร์ฮีโร่แต่ก็เป็นปัญหาสำหรับภาพยนตร์ฟอร์มเล็กกว่าซึ่งนำเสนอเนื้อเรื่องและเน้นที่บทบาทการแสดงหรือบุคลิกของตัวละครซึ่งยังไม่สามารถแข่งขันทำรายได้ดีพอ โดยคุณเดวิด เอ. กรอสจากบริษัทที่ปรึกษา Franchise Entertainment ประมาณว่าขณะที่ยอดขายบัตรสำหรับภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร่กลับมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่าช่วงก่อนการระบาดราว 25% นั้น ภาพยนตร์ประเภทที่เน้นตัวละครและนำเสนอเรื่องราวหรือแนวดราม่ายังมียอดขายบัตรต่ำกว่าเดิมระหว่าง 66 ถึง 75% อยู่ และหนังที่จับกลุ่มผู้ชมประเภทครอบครัวก็มียอดขายบัตรต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19 อย่างน้อย 50% เช่นกัน
FILE - Fans dressed as Marvel characters attend the premiere of "Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings" at the El Capitan Theater in Los Angeles, California, Aug. 16, 2021. (Jordan Strauss/Invision/AP)
เหตุผลของเรื่องนี้มาจากการที่ผู้ชมกลุ่มที่มีอายุมักมีความระมัดระวังตัวมากกว่า นอกจากนั้นวัคซีนสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีก็เพิ่งได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับควบคุมด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ เมื่อไม่นานมานี้ทำให้แฟนหนังประเภทครอบครัวยังไม่พร้อมจะพาบุตรหลานเข้าไปในโรงภาพยนตร์
คุณริช เกลฟอน ผู้บริหารของ IMAX บอกว่าแนวโน้มเรื่องนี้เกิดขึ้นมาก่อนแล้วแต่โควิด-19 ยิ่งเร่งให้เห็นชัดเจนขึ้น และเรื่องดังกล่าวก็เป็นปัญหาซ้ำซ้อนสำหรับฮอลลีวู้ดซึ่งขณะนี้กำลังจับตามองว่าพฤติกรรมและความนิยมของแฟนภาพยนตร์จะเปลี่ยนไปจากการเข้าไปชมในโรงภาพยนตร์มาเป็นการดูที่บ้านผ่านระบบ Streaming หรือไม่
ตัวอย่างของภาพยนตร์แนวซุปเปอร์ฮีโร่ที่ทำยอดขายได้ดีในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเพราะจับตลาดวัยรุ่นได้แก่ Venom: Let There Be Carnage, Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings, Dune และ Eternals เป็นต้น ขณะที่ภาพยนตร์ซึ่งฐานคนดูเป็นกลุ่มผู้มีอายุมากกว่า เช่น The Last Duel ของ Ridley Scott, Last Night in Soho รวมทั้ง Spencer ซึ่ง Kristen Stewart รับบทเป็นเจ้าหญิงไดอาน่านั้นทำรายได้ค่อนข้างน่าผิดหวังเพราะไม่มีเรื่องใดทำรายได้ถึง 12 ล้านดอลลาร์เลย และถึงแม้ว่าเจมส์ บอนด์ตอนล่าสุด “No Time to Die” จะทำรายได้ในตลาดอเมริกาเหนือได้ถึง 144 ล้านดอลลาร์ก็ตามแต่นักวิเคราะห์ก็ชี้ว่าหากกลุ่มแฟนภาพยนตร์ที่มีอายุพร้อมจะกลับเข้าไปชมแล้ว “No Time to Die” ก็น่าจะทำรายได้มากกว่านี้
และนอกจากความได้เปรียบของภาพยนตร์แนวซุปเปอร์ฮีโร่ในการเรียกแฟนหนังที่เป็นฐานลูกค้ากลับมาแล้ว ภาพยนตร์ที่ฉายในรูปแบบ IMAX ก็ดูจะประสบความสำเร็จและสามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้ดีเช่นกัน เพราะตัวเลขแสดงว่าเฉพาะในเดือนตุลาคมยอดขายบัตรของภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ IMAX นั้นทำได้ถึง 118 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
ที่มา: AP