หลังรัฐบาลกรุงปักกิ่งสามารถควบคุมการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้สำเร็จ ประชาชนชาวจีนมีโอกาสออกมาใช้ชีวิตได้เกือบเหมือนปกติอีกครั้ง และโรงภาพยนตร์กลายมาเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีความคึกคักมากที่สุดในเวลานี้ ตอกย้ำสถานะตลาดภาพยนตร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกครั้ง
รายงานข่าวจาก The Associated Press เปิดเผยว่า ในขณะที่ โรงภาพยนตร์ทั่วจีนจะเปิดให้บริการเพียง 50 เปอร์เซ็นต์ในช่วงนี้ ผู้บริโภคในประเทศกลับพากันเข้าชมภาพยนตร์ที่จัดฉายกันอย่างเต็มที่ จนทำให้ยอดรายจากการขายตั๋วในเดือนกุมภาพันธ์ทำสถิติสูงสุดที่ 11,200 ล้านหยวน หรือราว 1,700 ล้านดอลลาร์ ไปแล้ว
นับตั้งแต่ทางการจีนอนุญาตให้ผู้ประกอบการเปิดฉายได้บางส่วนเมื่อกลางปีที่แล้ว จำนวนผู้ชมในจีนเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ อุตสาหกรรมผลิตภาพยนตร์ภายในประเทศได้อานิสงก์เป็นช่วงๆ จากนโยบายรัฐบาลที่อนุญาตเฉพาะภาพยนตร์จีนออกฉายเท่านั้น ทำให้ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ต่างๆ จากฮอลลีวู้ดไม่มีโอกาสเข้าฉายเลย ส่งผลให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์จีนขยายตัวทำกำไรได้อย่างมากมาย
การที่ประชาชนเลือกชมภาพยนตร์เพิ่มขึ้นนั้น มีความชัดเจนมากในช่วงเทศกาลวันหยุดตรุษจีนที่รัฐบาลเชิญชวนให้ประชาชนไม่เดินทางกลับภูมิลำเนาเหมือนเช่นทุกปี คนจำนวนมากจึงหันไปหากิจกรรมความบันเทิงที่เข้าถึงง่ายๆ อย่างโรงภาพยนตร์นั่นเอง
และเพราะมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ที่บังคับให้ผู้ชมต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา และต้องลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้ทางการติดตาตัวได้ หากพบว่ามีการระบาดภายใหลัง ขณะที่ โรงภาพยนตร์ต้องเว้นที่นั่ง 1 ที่ระหว่างผู้ชมเสมอ อุปสงค์ของการเข้าชมภาพยนตร์ในช่วงที่ผ่านมาจึงสูงกว่าอุปทานอย่างมาก ทำให้ตั๋วภาพยนตร์ที่มีความนิยมในระดับต้นๆ ยิ่งหาซื้อยากขึ้นไปอีก
ข้อมูลจาก China Movie Data Information Network ระบุว่า ราว 95 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้การขายตั๋วในเดือนนี้ มาจากภาพยนตร์ทำเงิน 7 อันดับต้นๆ ซึ่งออกฉายในช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่เริ่มต้นเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ โดยภาพยนตร์อันดับหนึ่งในจีน คือ “Hi, Mom” – ภาพยนตร์ตลกที่ทำงเงินไปแล้วกว่า 4,360 ล้านหยวน
ในปีที่แล้ว ยอดรวมรายได้จากการขายตั๋วภาพยนตร์ในจีนนั้นอยู่ที่ราว 2,700 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่ายอด 2,300 ล้านดอลลาร์ ในสหรัฐฯ ที่ประสบปัญหารายได้ตกฮวบ 80 เปอร์เซ็นต์