การศึกษาชี้คนหนุ่มสาวใช้กัญชาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักศึกษามหาวิทยาลัย

CNN รายงานคนหนุ่มสาวโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักศึกษา มีการใช้กัญชากันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และตัวเลขดังกล่าวค่อนข้างสูงมาก

บทความที่ตีพิมพ์โดยสมาคม American Academy of Pediatrics เมื่อวันจันทร์อิงผลการสำรวจเรื่องการใช้ยาเสพติดและสุขภาพแห่งชาติปีพ.ศ. 2545-2559 ซึ่งสำรวจการใช้กัญชาและการสูบบุหรี่ในกลุ่มคนอายุ 18 - 22 ปีในสหรัฐฯ

การสำรวจดังกล่าววิเคราะห์การใช้กัญชาและการสูบบุหรี่ภายในช่วง 30 วันและ 12 เดือนที่ผ่านมา โดยที่ไม่ได้ระบุวิธีการใช้กัญชา ไม่ว่าจะเป็นการสูบ การกิน หรือการสูบไอจากบุหรี่ไฟฟ้าก็ตาม

แม้ว่าคนหนุ่มสาวจะสูบกัญชาเพียงอย่างเดียว แต่จำนวนนักศึกษาในมหาวิทยาลัยที่ใช้ยาเสพติดชนิดนี้ก็เพิ่มสูงขึ้นในอัตราที่รวดเร็ว อัตราการสูบกัญชาเพียงอย่างเดียวนั้นสูงขึ้นในหมู่นักศึกษามหาวิทยาลัยทั้งเมื่อ 30 วันและ 12 เดือนที่ผ่านมาด้วย

นักศึกษาที่รายงานว่าสูบกัญชาเพียงอย่างเดียวใน 30 วันที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเกือบ 8% ภายในระยะเวลา 14 ปี สำหรับคนหนุ่มสาวที่ไม่ใช่นักศึกษามหาวิทยาลัยใช้กัญชาในช่วง 30 วันที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นประมาณ 4%

รายงานระบุว่าในปีพ.ศ. 2559 มีคนหนุ่มสาวเกือบสองในห้าคนที่สูบกัญชาในปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ในการรักษาด้วยกัญชา แต่ผลกระทบต่อสุขภาพยังไม่เป็นข้อสรุปที่ชัดเจน มีเพียง 30% ของคนหนุ่มสาวที่กล่าวว่าพวกเขาคิดว่าการใช้กัญชาบ่อยครั้งนั้นเป็นอันตราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดมากที่สุดนับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2523 เป็นต้นมา

การศึกษายังระบุอีกว่าการสูบบุหรี่เพียงอย่างเดียวนั้นลดลงอย่างต่อเนื่องทั้งในหมู่นักศึกษามหาวิทยาลัยและบุคคลทั่วไป

แม้ว่าอัตราการสูบบุหรี่จะสูงกว่าในกลุ่มบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัย แต่อัตราการสูบบุหรี่เพียงอย่างเดียวของคนกลุ่มนี้ในช่วง 30 วันที่ผ่านมายังคงลดลงเกือบ 16% ในช่วงระหว่างปีพ.ศ. 2545 และ พ.ศ. 2559

ในขณะที่การศึกษาได้ระบุถึงความสัมพันธ์ระหว่างการใช้กัญชากับการสูบบุหรี่ทุกวันเช่นเดียวกับการพึ่งพานิโคติน แต่การศึกษานี้ไม่ได้สำรวจเรื่องการสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น

รายงานเมื่อปีพ.ศ. 2561 จากสถาบันเพื่อการวิจัยทางสังคมแห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกนแสดงให้เห็น ว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นรูปแบบที่ใช้กันมากที่สุดเป็นอันดับที่สองโดยมี 17.6% ของนักเรียนเกรดแปด 32.3% ของนักเรียนเกรด 10 และ 37.3% ของนักเรียนเกรด 12 ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเมื่อปีที่แล้ว