ช่วงเวลาของการศึกษาในมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ เป็นเวลาที่นักศึกษาที่จะได้ทดลองสิ่งต่างๆ บรรดาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ หลาย ๆ แห่งต่างกระตุ้นให้นักเรียนของตนสำรวจแนวคิด ความสนใจ และแม้แต่วิธีคิดที่หลากหลายซึ่งอาจแตกต่างกันไป หรืออาจเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับนักเรียนเหล่านั้น
ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ที่ไปเรียนในมหาวิทยาลัยมักจะทำเช่นนั้นทันทีหลังจากที่เรียนจบชั้นมัธยมปลาย เมื่อต้องจากบ้านไปไกล ๆ เป็นครั้งแรก
John Schulenberg ศาสตราจารย์ด้านการวิจัยที่สถาบันวิจัยสังคมแห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกน เชื่อว่าการใช้ยาเสพติดและแอลกอฮอล์ของนักศึกษา เป็นปัญหาใหญ่ตามรั้วมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ
ภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่อง และรายการโทรทัศน์หลาย ๆ รายการ ต่างก็นำเสนอว่าการใช้ยาเสพติดและแอลกอฮอล์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประสบการณ์ตามปกติในมหาวิทยาลัย แต่ศาสตราจารย์ Schulenberg บอกว่า ประสบการณ์เหล่านั้นมีผลต่อเนื่องอย่างมากต่อผลการเรียนของนักศึกษา เนื่องจากสมองของเยาวชนเหล่านั้นยังคงเติบโตจนผ่านช่วงอายุ 20 ปี
นั่นคือเหตุผลที่ศาสตราจารย์ Schulenberg กังวลเกี่ยวกับข้อมูลเรื่องการใช้กัญชาที่เพิ่มมากขึ้นตามวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ การศึกษาของเขาและทีมงานพบว่า ในปีพ.ศ. 2561 มีการใช้กัญชาในหมู่นักศึกษาอเมริกันในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2526
นักวิจัยตรวจสอบพฤติกรรมของคนหนุ่มสาวประมาณ 1,500 คน อายุระหว่าง 18 ถึง 22 ปี หลังจากที่จบปีการศึกษาสุดท้ายในระดับมัธยมปลาย นักศึกษาชายหญิงเกือบ 1,000 คนได้เข้าเรียนต่อในระดับวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัย ในขณะที่คนอื่น ๆ ที่เหลือไม่ได้เข้าเรียน
จากการศึกษาพบว่าราว 43%ของผู้ตอบแบบสอบถามรายงานว่าตนใช้กัญชาในบางครั้งในช่วงปีที่ผ่านมา และอีกราว 25% รายงานว่าใช้กัญชาภายในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
การศึกษาวิจัยก่อนหน้านี้ชี้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างการใช้กัญชาอย่างหนักกับผลการเรียนที่ย่ำแย่และปัญหาทางด้านสุขภาพจิต แต่ศาสตราจารย์ Schulenberg มีความกังวลเกี่ยวกับการค้นพบของการศึกษาฉบับใหม่ ที่แสดงให้เห็นว่าจำนวนคนสูบกัญชาเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่าตัวในระหว่างปีพ.ศ. 2560 ถึงปีพ.ศ. 2561
รายงานพบว่านักศึกษาใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น บุหรี่ไฟฟ้า เพื่อรวมไอระเหยเข้ากับกัญชา ไอระเหยนี้มีสาร tetrahydrocannabinol หรือ THC ซึ่งเป็นสารเคมีที่พบตามธรรมชาติในกัญชา
ศาสตราจารย์ Schulenberg กล่าวว่า เขาไม่เคยเห็นใช้การกัญชาที่เพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่าตัวภายในหนึ่งปีมาก่อน
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้านั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้มีผู้ป่วยเป็นโรคปอดเกือบ 800 ราย และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 คนทั่วประเทศ และยังมีรายงานว่าตำรวจได้จับกุมผู้ผลิตอุปกรณ์ THC-vaping ที่ผิดกฎหมายนับพันรายในสามรัฐ
Delynne Wilcox ประธานร่วมของกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และยาเสพติดอื่นๆ สำหรับสมาคม American College Health กล่าวว่า มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้การใช้กัญชาทั้งแบบทั่ว ๆ ไป และการใช้ร่วมกับบุหรี่ไฟฟ้า เพิ่มขึ้นในหมู่คนหนุ่มสาว
เหตุผลหนึ่งก็คือการที่รัฐต่าง ๆ ในสหรัฐฯ เริ่มผ่อนคลายเรื่องใช้กัญชาเพื่อสันทนาการมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความพยายามของอุตสาหกรรมกัญชาในการเผยแพร่ความเชื่อที่ว่ายาเสพติดชนิดนี้มีประโยชน์ทางการแพทย์
Delynne Wilcox กล่าวอีกว่า ความมึนเมาที่เกิดขึ้นในทันทีหลังจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งชัดเจนกว่าการใช้กัญชา ทำให้คนหนุ่มสาวจำนวนมากเชื่อว่าการใช้กัญชาปลอดภัยกว่าการดื่มเบียร์หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และคนหนุ่มสาวมีความกังวลน้อยลงเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า เช่นเดียวกับการใช้กัญชา
เธอกล่าวเสริมอีกว่า เจ้าหน้าที่ของสถานศึกษาต่าง ๆ จำเป็นต้องเพิ่มกฏเกณฑ์ข้อบังคับในเรื่องการใช้กัญชาและสารอื่น ๆ และควรหาวิธีจำกัดการใช้สิ่งเสพติดชนิดนี้ แม้ว่าจะมีใช้อย่างถูกกฎหมายในชุมชนนั้น ๆ ก็ตาม
การส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมที่ดีต่อสุขภาพก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน บรรดาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยควรเสนอกิจกรรมที่ไม่เน้นวิชาการให้มากขึ้น เช่นเดียวกับการสร้างระบบที่สามารถระบุได้ว่านักเรียนคนไหนที่อาจมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาสารเสพติด และเสนอความช่วยเหลือแก่นักเรียนเหล่านั้น
Wilcox กล่าวทิ้งท้ายว่า ยิ่งเราสามารถชะลอการใช้กัญชาได้นานเท่าไร สังคมของเราก็ยิ่งจะดีขึ้นมากเท่านั้น