และกลุ่มลูกค้าหนึ่งที่ตื่นเต้นกับกัญชาเสรีในอเมริกา คือคนที่เคยเสพในช่วงที่พวกตนเป็นวัยรุ่น แต่ปัจจุบัน ย่างเข้าสู่วัย 60ปีขึ้นไป และลองกลับมาใช้กัญชาเพื่อลดอาการปวดข้อและอาการเจ็บปวดอื่นๆ
ตลาดคนกลุ่มนี้เติบโตเร็วที่สุดในอุตสาหกรรมกัญชา
เทรซีย์ วินเซนต์ ผู้ใช้กัญชาวัย 57 ปี ที่อาศัยอยู่ทางใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า มีคนเเนะนำให้เธอลองใช้กัญชา เพื่อลดอาการปวดข้อจากการวิ่ง ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เธอชอบ
ความนิยมในการใช้กัญชาของคนสูงวัย ทำให้เกิดการจัดทัวร์จากชุมชนผู้เกษียณอายุ มายังร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากกัญชา ในเมืองเมืองซานตา แอนนา รัฐแคลิฟอร์เนีย
อะเดล ฟราสเซลลา วัย 70 กล่าวว่าเมื่อตอนที่เธอเป็นวัยรุ่น อายุประมาณ 18-20 เธอเสพกัญชา
ต่อมาเมื่อมีลูกเธอจึงหยุดเสพไป และเริ่มชินกับการไม่สูบกัญชา และในขณะนี้ชีวิตเธอเริ่มหายวุ่นวายและปรากฏว่าทุกคนก็กลับมาสูบกัญชากันอีก ถึงจึงกลับมาเสพอีกครั้งหนึ่ง
บริษัท Bud and Bloom ผู้จำหน่ายกัญชา จัดรถรับส่งฟรีสำหรับกลุ่มลูกค้าวัยเกษียณ และให้ข้อมูลเรื่องการเสพกัญชาอย่างปลอดภัย
แพทย์เตือนว่าผู้สูงอายุที่ใช้กัญชาควรตระหนักถึงผลข้างเคียงเมื่อกัญชาออกฤทธิ์ควบคู่ไปกับยาที่รับประทานอยู่เป็นประจำ ดังนั้นผู้เสพกลุ่มนี้ควรปรึกษาเเพทย์อย่างใกล้ชิด
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวด้วยว่า ควรมีการศึกษามากขึ้นเกี่ยวกับฤทธิ์ของกัญชาต่อร่างกาย แม้ว่าจะเห็นด้วยกับคุณสมบัติของพืชชนิดนี้ที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยจากอายุที่มากขึ้น เช่น การนอนไม่หลับ ความเครียด และอาการปวดไขข้อ เป็นต้น
ในอเมริกาเกิดผลิตภัณฑ์มากมายที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ เช่นน้ำมันและลูกอมอม
สก็อตต์ แคมเบล ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Beboe Company ที่เมืองลอสเเอลเจลิส กล่าวว่าการใช้กัญชาได้รับการยอมรับรวดเร็วมาก เขาบอกว่าเมื่อไม่กีปีก่อน การไปร้านกัญชาถูกมองว่าเป็นการกระทำผิดอะไรบางอย่าง แต่ปัจจุบันถือเป็นเรื่องธรรมดา
ขณะนี้รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ยังห้ามการใช้กัญชา แม้รัฐแคลิฟอร์เนียและอีก 10 รัฐในอเมริกาอนุญาตให้เสพกัญชาเพื่อการสันทนาการและเพื่อเหตุผลทางการแพทย์ได้ตามกฎหมาย