‘มาคร็อง’ ชี้ การปฏิเสธการสนับสนุนยูเครน ทำให้แรงต้านรัสเซียอ่อนแอลง

  • VOA

จนท.กองทัพยูเครนรายหนึ่งกำลังเตรียมยิงปืนใหญ่ฮาววิตเซอร์ เข้าใส่กองกำลังรัสเซีย ในเขตปกครองดอแนตสก์ เมื่อ 1 พ.ค. 2567

ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาคร็อง ระบุในการสัมภาษณ์ในวันพฤหัสบดีว่า การที่นิ่งเฉยไม่ทำการบางอย่างเพื่อตอบโต้การรุกรานของรัสเซียเข้าไปในยูเครนนั้นเป็นเรื่องที่ผิด เพราะนั่นจะยิ่งทำให้ความพยายามป้องปรามมอสโกนั้นยิ่งอ่อนแอลง

ในการสัมภาษณ์กับนิตยสาร The Economist ครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามปธน.มาคร็องว่า ยังยืนยันตามคำแถลงเมื่อต้นปีนี้ที่ว่า ฝรั่งเศสกำลังพิจารณาส่งกำลังทหารเข้าไปในยูเครน อยู่หรือไม่ และผู้นำฝรั่งเศสก็ตอบว่า “ผมจะไม่ขอสรุปความปฏิเสธความน่าจะเป็นใด ๆ ... ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เราเองก็ลังเลเกินกว่าจะให้คำจำกัดความของกรอบข้อจำกัดของปฏิบัติการของเราต่อใครบางคนที่ไม่มี(ขีดจำกัด)เช่นกัน หรือต่อผู้ที่ทำตัวเป็นผู้รุกราน”

มาคร็องยังได้ยกตัวอย่างกรณีของประเทศพันธมิตรกลุ่มนาโต้ที่ประกาศว่า จะไม่ส่งรถถังหรือขีปนาวุธพิสัยไกลเข้าไปยังยูเครน พร้อมกล่าวว่า “เรากำลังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการที่ว่า ดังนั้น การปัดตกแผนงานอื่น ๆ ไปจึงเป็นเรื่องที่ผิด” และว่า “แต่เหนือสิ่งอื่นใด มันจะยิ่งเป็นสิ่งที่ผิดด้วยที่จะปิดทางเลือกอื่น ๆ เมื่อมองในแง่ของความน่าเชื่อถือและการป้องปรามที่พุ่งเป้าเผชิญหน้ากับพวกรัสเซีย”

Your browser doesn’t support HTML5

‘มาคร็อง’ ชี้ การปฏิเสธการสนับสนุนยูเครน ทำให้แรงต้านรัสเซียอ่อนแอลง

รัสเซียยิงถล่มโอเดสซา

ทางการยูเครนเปิดเผยว่า รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธเข้ามาโจมตีเมืองโอเดสซาในวันพฤหัสบดี ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 14 คน

นี่เป็นการโจมตีครั้งที่ 3 เข้าใส่เมืองทางใต้ของยูเครนนี้ โดยในครั้งก่อน ๆ ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันแล้วถึง 8 คน

โอเลห์ ไคเปอร์ ผู้ว่าการเขตปกครองโอเดสซา กล่าวว่า การโจมตีครั้งล่าสุดนี้ถือเป็นอาชญากรรมด้วยน้ำมือของรัสเซียต่อพลเรือนชาวยูเครน

แม้รัสเซียปฏิเสธว่า ตนไม่ได้พุ่งเป้าโจมตีไปยังพลเรือนในการรุกรานยูเครน แต่ตลอดเวลากว่า 2 ปีของสงครามนี้ กองทัพมอสโกได้ยิงถล่มเมืองหลายแห่งของยูเครนด้วยโดรนและขีปนาวุธ

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่รัสเซียรายงานว่า ยูเครนส่งโดรนเข้ามาโจมตีหลายพื้นที่ของตนในวันพฤหัสบดีเช่นกัน

จนท.ดับเพลิง เร่งเข้าควบคุมไฟที่เกิดจากขีปนาวุธของรัสเซียที่ยิงเข้าใส่โอเดสซา ประเทศยูเครน

อันเดรย์ คลิชคอฟ ผู้ว่าการเขตปกครองโอร์ยอล กล่าวว่า ระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศของรัสเซียสามารถสกัดโดรนของยูเครนที่บินเข้ามาในน่านฟ้าได้ แต่ก็ยังเกิดความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่ทำให้เกิดภาวะไฟฟ้าดับไปทั่ว

ส่วนโรมัน สตาราวอยต์ ผู้ว่าการเขตปกครองเคิร์สก เปิดเผยว่า กองกำลังของรัสเซียสามารถยิงโดรนของยูเครนตกลง 1 ลำเช่นกัน แต่การโจมตีดังกล่าวก็ได้สร้างความเสียหายให้กับระบบไฟฟ้าของเขตปกครองนี้ด้วย

และในวันพฤหัสบดีเช่นกัน รัสเซียปฏิเสธคำกล่าวหาของสหรัฐฯ ว่า ฝ่ายตนได้ใช้สารเคมีต้องห้ามในปฏิบัติการสงครามในยูเครน โดยดมิทรี เพสคอฟ โฆษกเครมลิน ระบุว่า คำกล่าวหานี้ เป็นเรื่อง“โคมลอย”

การตอบโต้นี้เกิดขึ้น หลังสหรัฐฯ ออกมากล่าวหารัสเซียเมื่อวันพุธว่า ละเมิดคำสั่งห้ามใช้อาวุธสารเคมีทั่วโลก เพราะได้ทำการปล่อยสารคลอโรพิครินเข้าใส่กองกำลังยูเครนจนทำให้เหล่าทหารหายใจไม่ออก

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังกล่าวหารัสเซียว่า ใช้สารเคมีปราบปรามการจลาจล เป็น “หนึ่งในวิธีทำสงคราม” ในยูเครนด้วย

นอกจากนั้น กองทัพยูเครนยังอ้างว่า กองกำลังรัสเซียได้ใช้ระเบิดมือที่บรรจุแก๊สน้ำตาเข้าโจมตีตน จนทำให้เจ้าหน้าที่ทหารอย่างน้อย 500 นายต้องเข้ารับการรักษาอาการที่เกิดจากการโดนสารพิษ และมีทหารหนึ่งนายเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจเนื่องจากโดนแก๊สน้ำตา

การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครนดำเนินมานานกว่า 2 ปี หลังมอสโกส่งทัพรุกรานประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022

  • ข้อมูลบางส่วนมาจาก เอพี รอยเตอร์และเอเอฟพี