ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ลงนามในร่างกฎหมายมาตรการช่วยเหลือยูเครน อิสราเอล และไต้หวัน มูลค่ารวม 95,000 ล้านดอลลาร์ โดยระบุว่า "เมื่อพันธมิตรของเราแข็งแกร่งขึ้น เราก็แข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย"
ปธน.ไบเดน กล่าวว่า มาตรการชุดใหม่นี้ "จะทำให้อเมริกาปลอดภัยขึ้น โลกปลอดภัยยิ่งขึ้น และสานต่อความเป็นผู้นำของอเมริกาบนเวทีโลก" และว่า ภายในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า สหรัฐฯ จะเริ่มส่งกระสุนสำหรับระบบป้องกันตนเองทางอากาศและระบบยิงจรวด รวมทั้งยานพาหนะหุ้มเกราะต่าง ๆ ให้แก่ยูเครน เพื่อช่วยในหารทำสงครามกับรัสเซีย
ไบเดนระบุว่า สหรัฐฯ จะส่งกระสุนจากคลังอาวุธของสหรัฐฯ เอง จากนั้นจะนำกระสุนที่ผลิตใหม่ไปเติมในคัลงอาวุธดังกล่าว "หรือพูดได้ว่า เราช่วยเหลือยูเครนพร้อมไปกับลงทุนในอุตสาหกรรมของเราไปพร้อม ๆ กัน เป็นการเสริมกำลังด้านความมั่นคงแห่งชาติ และสนับสนุนการจ้างงานในเกือบ 40 รัฐทั่วอเมริกา"
ผู้นำสหรัฐฯ เรียกกระบวนการผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ว่า "ช่วงเวลาประวัติศาสตร์" ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ จะยืนหยัดต้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน
ร่างกฎหมายความช่วยเหลือต่างชาติฉบับนี้ผ่านการลงมติของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อวันเสาร์ จากนั้นผ่านการรับรองของวุฒิสภาเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา โดยร่างสุดท้ายนั้นไม่รวมการแก้ปัญหาความกังวลเรื่องผู้อพยพตามแนวพรมแดนสหรัฐฯ เม็กซิโกซึ่งเป็นประเด็นที่ทำให้การอภิปรายกฎหมายนี้ล่าช้าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
กฎหมายมาตรการช่วยเหลือต่างชาติชุดใหม่นี้ประกอบด้วย 4 ฉบับด้วยกัน ฉบับแรกคือคือการให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนเป็นมูลค่า 61,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อรับมือการรุกรานของรัสเซีย
ฉบับที่สอง คืองบประมาณช่วยเหลืออิสราเอลมูลค่า 26,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในกาซ่า 9,100 ล้านดอลลาร์
กฎหมายฉบับที่สาม คือการจัดหางบประมาณ 8,000 ล้านดอลลาร์สำหรับประเทศในแถบอินโด-แปซิฟิก รวมทั้งไต้หวัน เพื่อใช้รับมือกับการขยายอิทธิพลของจีน
ฉบับที่สี่ คือ ข้อเสนอที่พรรครีพบลิกันต้องการให้เกิดขึ้น เช่น การบังคับให้บริษัทไบต์แดนซ์ (Bytedance) เจ้าของสื่อสังคมออนไลน์ ติ๊กตอก (TikTok) ต้องขายหุ้นทั้งหมดในติ๊กตอกภายในเวลาหนึ่งปี ไม่เช่นนั้นติ๊กตอกจะถูกห้ามใช้ในสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังมีการให้อำนาจแก่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการกำหนดมาตรการลงโทษชุดใหม่ต่อรัสเซียและอิหร่านด้วย
ขณะเดียวกัน โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ ได้จัดส่งขีปนาวุธวิถีโค้งเชิงยุทธศาสตร์พิสัยไกล ซึ่งเรียกว่า ATACMS ให้แก่ยูเครน
ขีปนาวุธดังกล่าวมีระยะทำการ 300 กม. มากกว่าขีปนาวุธที่ยูเครนมีใช้อยู่ในปัจจุบันเกือบเท่าตัว ซึ่งขีปนาวุธนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการช่วยเหลือที่สหรัฐฯ อนุมัติให้แก่ยูเครนเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
- ข้อมูลบางส่วนจากเอพีและรอยเตอร์