นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน ประกาศภาวะสาธารณภัยครั้งสำคัญ (major incident) ในกรุงลอนดอน จากภาวะการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในพื้นที่ ซึ่งทางการกรุงลอนดอนกังวลว่าทางสาธารณสุขจะรับมือได้ไม่ไหวหากไม่ควบคุมการระบาดในระยะนี้
นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน ซาดิค ข่าน ออกแถลงการณ์ในวันศุกร์ แสดงความกังวลถึงการระบาดของโควิด-19 ในกรุงลอนดอน และอ้างข้อมูลจากสำนักสถิติแห่งชาติของอังกฤษว่า ชาวลอนดอนเนอร์ราว 1 ใน 30 คนพบติดเชื้อโควิด-19 แล้ว และบางพื้นที่อาจมากขึ้นเฉลี่ย 1 ใน 20 คนเสียด้วย
พร้อมกันนี้ นายกเทศมนตรีข่าน ระบุว่าสถานการณ์ในกรุงลอนดอนอาจเกินควบคุม จากที่เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานการแพทย์ฉุกเฉินของกรุงลอนดอน (London Ambulance Service) ต้องรับเคสฉุกเฉินราว 8,000 ครั้งต่อวัน พุ่งสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่มีการแจ้งเหตุฉุกเฉินมากที่สุดราว 5,500 ครั้งต่อวัน และผู้ป่วยโควิดที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่กรุงลอนดอนพุ่งสูงกว่าช่วงการระบาดหนักเมื่อฤดูใบไม้ผลิปีที่แล้ว
ประกาศภาวะสาธารณภัยครั้งสำคัญ (major incident) ในกรุงลอนดอนนั้น หมายถึง สถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อระบบของชุมชนหรือสังคม และมีแนวโน้มจะก่อให้เกิดอันตราย สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน และทำให้ผู้คนในพื้นที่ตกอยู่ในความเสี่ยงด้านสังคม สิ่งแวดล้อม รวมทั้งความมั่นคงของประเทศ
พร้อมกันนี้ทางนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน ได้ติดต่อนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แห่งอังกฤษ เพื่อขอความช่วยเหลือด้านการเงินให้กับชาวลอนดอนเนอร์ ที่ต้องกักตัวเองเพื่อสังเกตอาการโควิด-19 และไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ และได้ขอให้ประชาชนในเมืองหลวงของอังกฤษอยู่กับบ้าน และสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก
สำหรับสถานการณ์ที่อังกฤษ ตามข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอพกินส์เมื่อบ่ายวันศุกร์ มีผู้ติดเชื้อเกือบ 3 ล้านราย เสียชีวิตเกือบ 8 หมื่นราย