ขณะนี้ หลายประเทศพบการระบาดเพิ่มขึ้นของโคโรนาไวรัส และพยายามบริหารการแจกจ่ายวัคซีนที่มีอย่างจำกัดให้กับประชากรของตน
ผู้เชี่ยวชาญพยายามให้ข้อมูลรัฐบาลในการตอบคำถามหลายประการ เช่น จะเว้นช่วงเวลาการฉีดเข็มที่สอง หรือลดปริมาณการฉีดต่อหนึ่งโดสต่อคน ได้หรือไม่ โดยทั้งสองกรณี มีจุดประสงค์เพื่อให้คนจำนวนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้มีโอกาสรับวัคซีนเร็วขึ้น ขณะที่ประเทศเผชิญกับการระบาดรุนเเรง
รอยเตอร์ รวบรวมทัศนะจากผู้สันทัดกรณีจากอังกฤษและอเมริกา ในการตอบคำถามเหล่านั้นไว้ดังนี้
อะไรคือเหตุผลสนับสนุนการชะลอการฉีดวัคซีนเข็มที่สอง?
วิธีนี้ถูกมองว่าเป็นการเพิ่มโอกาสให้คนจำนวนมากขึ้นได้รับภูมิคุ้มกัน โดยให้คนจำนวนมากที่สุดได้รับวัคซีนเข็มแรก ก่อนที่จะดำเนินโครงการฉีดเข็มที่สองให้กับผู้เคยฉีดครั้งเเรกไปแล้ว
มีการพูดถึงเเนวทางนี้มากขึ้นเมื่อพบโคโรนาไวรัสกลายพันธุ์ที่เเพร่เชื้อได้ง่ายขึ้น
ไมเคิล เฮด ผู้เชี่ยวชาญของอังกฤษจากมหาวิทยาลัย Southampton กล่าวว่าการให้วัคซีนแก่คนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้แต่ละคนมีภูมิคุ้มกันบางส่วน “น่าจะช่วยลดจำนวนผู้ป่วยจากโควิด-19 ขั้นรุนเเรงได้”
อย่างไรก็ตาม การทดลองวัคซีนของบริษัทต่างๆ อยู่ภายใต้แบบแผนการเว้นช่วงที่ชัดเจนระหว่างเข็มเเรกที่สร้างภูมิต้านทานโรคและเข็มที่กระตุ้นประสิทธิภาพของวัคซีน
ทำไมจึงเกิดการพิจารณาให้วัคซีนเข็มเเรกและเข็มที่สองจากผู้ผลิตคนละราย?
เช่นเดียวกับเเนวคิดเรื่องการเว้นช่วงให้ยาวขึ้นระหว่างวัคซีนสองเข็ม ความคิดนี้เกิดขึ้นเพราะว่าผู้บริหารจัดการวัคซีนพิจารณาว่าจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อให้มีการฉีดเข็มแรกต่อประชากรจำนวนมากที่สุด
หากทำเช่นนี้ เมื่อวัคซีนของบริษัทใดก็ตามมาถึงมือ เจ้าหน้าที่จะนำไปฉีดเป็นเข็มเเรกให้กับผู้ที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันก่อน แทนที่จะเก็บไว้สำหรับคนที่เคยฉีดวัคซีนจากบริษัทเดียวกันไปเเล้วก่อนหน้านั้น
ทั้งสองแนวคิดที่กล่าวมาเคยได้รับการทดสอบหรือยัง?
ศาสตราจารย์ สตีเฟน เอวานส์ แห่งสถาบัน London School of Hygiene & Tropical Medicine กล่าวว่า ยังไม่มีการทดสอบประสิทธิภาพของการเว้นช่วงเข็มแรกและเข็มที่สองให้นานขึ้น และการใช้วัคซีนจากบริษัทที่ต่างกันต่อผู้รับคนเดียวกัน
รอยเตอร์ รายงานประสิทธิภาพของวัคซีนเข็มแรกของสองสูตรยาที่ได้รับการรับรองในขณะนี้ โดยสูตรเเรกเป็นของบริษัทไฟเซอร์ที่ร่วมพัฒนากับไบโอเอ็นเทค และสูตรที่สองโดยบริษัทแอสตราเซเนกาที่ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด
หลังจากผู้รับวัคซีนเข็มแรกของไฟเซอร์สองสัปดาห์ ระดับการต้านทางโควิด-19 หวังผลได้ 89 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับประสิทธิภาพของเข็มเเรกจากวัคซีนสูตรของแอสตราเซเนกา ที่อยู่ในระดับร้อยละ 70 ตามข้อมูลของรัฐบาลอังกฤษ
บริษัทโมเดอร์นารายงานว่าสูตรของตนมีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 ร้อยละ 80 จากการฉีดโดสเเรก
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลระยะยาว ว่าประสิทธิภาพของวัคซีนต้านโคโรนาไวรัสเข็มแรกจะอยู่ในร่างกายได้ยาวนานเท่าใด และจะมีผลกระทบอย่างไรหากวัคซีนเข็มที่สองถูกชะลอออกไป
นายแพทย์ แอนโธนี เฟาชี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้เเละโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐฯ บอกกับซีเอ็นเอ็นเมื่อวันศุกร์ว่า สหรัฐฯคงไม่ใช้วิธีชะลอการฉีดเข็มที่สอง
และโดยทั่วไปนักวิทยาศาสตร์ แสดงความกังวลเรื่องการให้ผู้รับวัคซีนใช้สูตรของบริษัทที่ต่างกัน เพราะไม่มีหลักฐานยืนยันประสิทธิภาพ
ศาสตรจารย์ จอห์น มอร์ แห่งวิทยาลัยแพทย์ Weill Cornell Medical College ที่นิวยอร์กกล่าวว่า ยังไม่มีข้อมูลและการทดลองในเรื่องนี้ หรือถ้าเกิดการทดลองขึ้นเเล้ว ก็ยังไม่เป็นที่เปิดเผยต่อสาธารณะ
ผู้เชี่ยวชาญคิดอย่างไรเกี่ยวกับการลดปริมาณวัคซีนในเเต่ละโดสต่อประชาชน?
ในสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขบางคน พิจารณาลดปริมาณต่อโดสครึ่งหนึ่งต่อผู้รับวัคซีนที่อายุระหว่าง 18 ถึง 55 ปี
มอนเซฟ สลาวี หัวหน้าที่ปรึกษาโครงการ Operation Warp Speed ของรัฐบาลอเมริกันในการช่วยพัฒนาและจัดสรรวัคซีนต้านโควิด-19 บอกกับสถานีโทรทัศน์ CBS เมื่อวันอาทิตย์ว่า มีหลักฐานจากการทดลองวัคซีนของบริษัทโมเดอร์นา ที่ระบุว่า วัคซีนครึ่งโดสให้ผลตอบรับด้านภุมิคุ้มกันเทียบได้กับเต็มโดส 100 ไมโครกรัม ในกลุ่มผู้ที่มีอายุ 55 ปีและน้อยกว่านั้น
อย่างไรก็ตาม อิริค โทโพล ผู้เชี่ยวชาญและผู้อำนวยการ Scripps Research Translational Institute ในรัฐเเคลิฟอร์เนีย กล่าวว่าข้อมูลตอนนี้ยังไม่ชัดเจน และเขาอยากที่จะพิจรณาหลักฐานเหล่านั้นก่อนที่จะสนับสนุนเเนวทางดังกล่าว