เจ้าหน้าที่อิสราเอลกำลังพิจารณาคำตอบจากฝ่ายฮามาสต่อร่างข้อเสนอหยุดยิงฉบับล่าสุดที่มีเงื่อนไขการปล่อยตัวประกันในกาซ่าอยู่ด้วย
ทำเนียบนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู เปิดเผยว่า อิสราเอลได้เริ่มศึกษา “แนวความคิดบางอย่าง” ที่กลุ่มฮามาสส่งให้กับตัวกลางการเจรจาจากกาตาร์แล้ว โดยระบุในแถลงการณ์ว่า “ผู้ไกล่เกลี่ยข้อตกลงเกี่ยวกับตัวประกันได้ส่งคำตอบของทีมเจรจาฮามาสต่อร่างข้อตกลงมาให้ อิสราเอลกำลังตรวจสอบคำตอบและจะตอบกลับไปยังผู้ไกล่เกลี่ยต่อไป”
ทีมผู้ไกล่เกลี่ยที่มาจากกาตาร์ อียิปต์และสหรัฐฯ ได้ร่วมทำงานกันเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อบรรลุเนื้อหาของข้อตกลงที่จะนำไปสู่การปล่อยตัวประกันทั้งหมดเป็นอิสระพร้อม ๆ กับการยุติสงครามที่กำลังจะเข้าสู่เดือนที่ 10 นี้ โดยสิ่งที่ฮามาสนำเสนอมาในวันพุธมีรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอ 3 ขั้นตอนที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน นำเสนอเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมด้วย
Your browser doesn’t support HTML5
ก่อนหน้านี้ องค์การสหประชาชาติเพิ่งแสดงความกังวลต่อคำสั่งของอิสราเอลให้ประชาชนอพยพออกจากพื้นที่ขนาดใหญ่เขตเมืองคานยูนิสและเมืองราฟาห์ซึ่งกินบริเวณาราว 1 ใน 3 ของฉนวนกาซ่าและจะกระทบพลเรือนได้มากถึง 250,000 คน
อันเดร เดอ โดเมนิโก หัวหน้าสำนักงานกิจการมนุษยธรรมของยูเอ็นในเขตปกครองปาเลสไตน์ กล่าวว่า “สิ่งที่เราได้เห็นในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่บ่ายวันจันทร์ เมื่อมีการออกคำสั่งอพยพออกมา คือ เราได้เห็นการหลั่งไหลของผู้คนออกมาอย่างต่อเนื่อง”
เดอ โดเมนิโก บอกกับผู้สื่อข่าวผ่านการแถลงข่าวออนไลน์เมื่อวันพุธจากนครเยรูซาเลมว่า หน่วยงานความช่วยเหลือของยูเอ็นและหุ้นส่วนทั้งหลายได้ปรับกระบวนการทำงานให้เริ่มต้นใหม่หลังอิสราเอลออกคำสั่งดังกล่าวออกมา และระบุว่า “การนำส่ง(ความช่วยเหลือ)สำหรับเราแล้วคือความยากลำบากรายวัน – จริง ๆ”
อิสราเอลเฝ้าบอกชาวปาเลสไตน์ให้อพยพออกจากหลายส่วนของกาซ่า ก่อนจะดำเนินปฏิบัติการโจมตีทางทหาร โดยเทลอาวีฟกล่าวว่า เพื่อปกป้องพลเรือนจากสงคราม แต่การอพยพทั้งหลายที่เกิดขึ้นควบคู่กับการต่อสู้ที่ดำเนินมาตลอดหมายความว่า ประชาชนต้องลี้ภัยหลายต่อหลายครั้งเพื่อความปลอดภัย
หัวหน้าสำนักงานกิจการมนุษยธรรมของยูเอ็นกล่าวด้วยว่า สหประชาชาติประเมินว่า ชาวปาเลสไตน์ 9 ใน 10 คนในกาซ่ากลายมาเป็นผู้พลัดถิ่นอย่างน้อย 1 ครั้ง ขณะที่บางคนต้องเผชิญภาวะเช่นนั้นถึง 10 ครั้ง นับตั้งแต่สงครามอิสราเอล-ฮามาสปะทุขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมของปีที่แล้ว
เดอ โดเมนิโก กล่าวว่า ภายใต้คำสั่งครั้งล่าสุดในสัปดาห์นี้ คนส่วนใหญ่ได้มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ริมชายฝั่งซึ่งอิสราเอลจัดตั้งพื้นที่เรียกว่า เขตปลอดภัย เอาไว้ แต่บริเวณดังกล่าวก็อยู่ในภาวะแออัดและล้นหลามเกินไปแล้ว ทั้งยังมีน้ำสะอาดให้ใช้ไม่มาก และมีห้องน้ำรวมทั้งบริการพื้นฐานต่าง ๆ ที่น้อยและจำกัด
เขาระบุว่า “ไม่มีที่ไหนและไม่มีใครปลอดภัยในกาซ่า ... เราได้แต่ย้ำเช่นนั้น เราได้เห็นปฏิบัติการทางทหารและการยิงถล่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ในใจกลางของเขตปลอดภัยทางมนุษยธรรมที่อิสราเอลประกาศจัดตั้ง”
สงครามกาซ่านี้เริ่มต้นเมื่อฮามาสโจมตีเข้าใส่ทางใต้ของอิสราเอลที่ไม่ทันตั้งตัวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม และทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,200 คน ทั้งยังมีผู้ถูกจับไปเป็นตัวประกันกว่า 250 คน ตามข้อมูลจากทางการอิสราเอล
ส่วนการโจมตีโต้กลับของเทลอาวีฟได้สังหารผู้คนไปแล้วเกือบ 38,000 คน ตามการเปิดเผยของกระทรวงสาธารณสุขกาซ่าที่บริหารงานโดยกลุ่มฮามาส ขณะที่ พื้นที่ส่วนใหญ่เขตปกครองปาเลสไตน์นั้นก็เหลือแต่ซากปรักหักพังแล้ว
- ข้อมูลบางส่วนมาจากเอเอฟพีและรอยเตอร์