Your browser doesn’t support HTML5
นาย Masayoshi Son ประธานบริษัท Softbank Corporation กล่าวว่าอินเดียมีปริมาณแสงอาทิตย์มากกว่าญี่ปุ่นสองเท่าตัวแต่ราคาค่าก่อสร้างสวนพลังงานแสงอาทิตย์ในอินเดียถูกกว่าในญี่ปุ่นถึงครึ่งหนึ่ง และนี่เป็นปัจจัยที่อาจจะทำให้อินเดียกลายเป็นประเทศผู้ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์รายใหญ่ที่สุดในอนาคต
ความเชื่อมั่นในแหล่งทรัพยากรที่มหาศาลของอินเดียนี้เป็นเหตุให้เศรษฐีพันล้านชาวญี่ปุ่นคนนี้ตัดสินใจกระโดดเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตพลังงานโซล่าผ่านความร่วมมือแบบ joint venture กับบริษัท Bharti Enterprises แห่งอินเดียกับบริษัท Foxconn จากไต้หวัน
เกือบ 1 ใน 4 ของประชากรอินเดียยังไม่มีไฟฟ้าใช้และเมืองใหญ่ๆ หลายแห่งยังประสบกับปัญหามีไฟฟ้าไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ อินเดียจึงประสบกับแรงกดดันให้เพิ่มการผลิตไฟฟ้าให้สูงขึ้นและยังเจอกับแรงกดดันให้หันไปผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ทางการอินเดียหวังว่าพลังงานแสงอาทิตย์จะเป็นทางออกให้แก่ปัญหาข้างต้นและได้ตั้งเป้าที่จะผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ให้ได้ 100 gigawatts ภายใน 7 ปีข้างหน้า
นาย Tobias Engelmeier ผู้อำนวยการบริษัท Brigde ที่ให้คำปรึกษาแก่อินเดียด้านพลังงานโซล่ากล่าวว่าการลงทุนของบริษัท SoftBank Corporation ในอุตสาหกรรมพลังงานโซล่าครั้งนี้มีความสำคัญมาก และอาจนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมด้านนี้ของอินเดียให้ก้าวหน้าขึ้น เขากล่าวว่าการลงทุนนี้แสดงให้เห็นว่าตลาดเริ่มตอบรับกับเป้าหมายของรัฐบาลอินเดีย
แต่อินเดียยังประสบกับความท้าทายหลายอย่างอยู่ คุณ Engelmeier จากบริษัทที่ปรึกษา Bridge กล่าวว่าความกังวลส่วนใหญ่มาจากการหาที่ดินสำหรับเป็นที่ตั้งของโครงการเพราะสวนพลังงานโซล่าต้องใช้ที่ดินผืนใหญ่หลายผืนด้วยกัน นอกจากนี้ยังกังวลกันถึงประสิทธิภาพในการแจกจ่ายไฟฟ้าของบริษัทต่างๆ ในอินเดีย
แต่แม้ว่าจะมีอุปสรรคหลายอย่างตามที่กล่าวมาข้างต้น บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานกล่าวว่าขณะนี้เกิดความมั่นใจมากขึ้นต่อความสามารถของทางการอินเดียในการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
รายงานโดย Anjana Pasricha และเรียบเรียงโดย ทักษิณา ข่ายแก้ว