Your browser doesn’t support HTML5
หลังจากหาเช้ากินค่ำด้วยการทำงานรับจ้างทั่วไปในหมู่บ้านมานานหลายปี Pushkar Singh ชายชาวอินเดียอายุ 26 ปี ตัดสินใจเดินทางจากบ้านเกิดทางเหนือของประเทศเข้ากรุงนิวเดลีเพื่อหางานทำเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว
Singh ลาออกจากโรงเรียนมัธยมกลางคัน เขารับทำงานทุกอย่าง ตั้งเเต่กุ๊ก ยามรักษาความปลอดภัย หรือคนงานทั่วไปในสำนักงาน
สามเดือนผ่านไป นอกจากเขายังไม่ได้งานทำเเล้ว เขายังไม่เคยถูกเรียกไปสัมภาษณ์งานสักครั้งเดียว Singh กล่าวด้วยความท้อเเท้ใจว่ารู้สึกกังวลมากที่ยังไม่มีงานทำ เเละไม่รู้ว่าจะสามารถพักอยู่กับญาติในกรุงนิวเดลีได้นานเเค่ไหน
คนหนุ่มสาวชาวอินเดียอย่าง Singh ต่างมีความหวังในอนาคตมากขึ้น หลังจากนายกรัฐมนตรี Narendra Modi ได้สัญญาว่าจะสร้างงานหลายล้านตำเเหน่ง ตอนที่เขาเข้ารับตำเเหน่งในปี ค. ศ. 2014 เเต่เศรษฐกิจอินเดียได้ชะลอการเติบโตลงอย่างมาก ทำให้คนอินเดียหลายหมื่นคนต้องดิ้นรนหางานทำในเมืองใหญ่อย่างกรุงนิวเดลี ที่ดึงดูดเเรงงานย้ายถิ่น
เศรษฐกิจอินเดียเติบโตที่ระดับ 5.7 เปอร์เซ็นต์ในช่วงสามเดือนระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายน ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี และตัวเลขที่ไม่สดใสนี้ สร้างความกังวลว่าเศรษฐกิจอินเดียอาจจะไม่กลับไปเติบโตอย่างรวดเร็วอย่างที่เคยเกิดขึ้น
D.K. Joshi หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่บริษัทจัดอันดับทางเศรษฐกิจ Crisil ในมุมไบ กล่าวว่า น่ากังวลเพราะเศรษฐกิจอินเดียชะลอตัวมากกว่าที่คาดกันเอาไว้
เศรษฐกิจที่ชะลอตัวนี้ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่า คณะรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี Modi จัดการเศรษฐกิจผิดพลาด โดยเฉพาะมาตรการสองอย่างที่รัฐบาลประกาศใช้เมื่อปีที่แล้วที่ทำให้เศรษฐกิจสะดุดตัว
บรรดานักวิจารณ์ประนามรัฐบาลที่ยกเลิกธนบัตร 500 รูปีแและ 1,000 รูปีอย่างกระทันหัน เพื่อกำจัดเงินนอกระบบเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยชี้ว่ามาตรการดังกล่าวทำให้ธุรกิจชะลอตัวท่ามกลางการขาดเเคลนเงินรูปีอย่างมหาศาล และทำให้เศรษฐกิจอินเดียที่ขึ้นอยู่กับเงินสดสะดุดตัวอย่างไม่จำเป็น
ในเดือนกรกฏาคมปีที่แล้ว อินเดียเริ่มใช้มาตรการปฏิรูปภาษีสินค้าและการบริการ ที่ล่าช้ากว่ากำหนดมานานมาก ซึ่งมุ่งกำจัดระบบภาษีที่ซับซ้อนเเละเพื่อช่วยให้การทำธุรกิจง่ายขึ้น เเต่หลายคนกังวลว่าการนำมาตรการไปบังคับใช้อย่างไม่ถูกต้องเเละอัตราภาษีหลายอัตรา สร้างความสับสนแก่ธุรกิจที่ต้องปรับตัวเข้ากับระบบใหม่
บรรดานักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงด้านเงินรูปี และการจัดเก็บภาษีสินค้าและบริการหรือ GST ที่ออกมาใช้ไล่หลังกันภายในเวลาไม่กี่เดือน เป็นเหตุให้เศรษฐกิจอินเดียชะลอตัวอย่างมากและกระทบต่อทุกภาคของเศรษฐกิจ
ผลกระทบเห็นได้ชัดคือการค้าขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์อินเดีย ที่ปกติเเล้วจะค้าขายดีในช่วงนี้ของปี ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลสำคัญของอินเดียที่ผู้บริโภคจะจับใช้ใช้สอยเงินมากที่สุด เเต่บรรดาเจ้าของร้านค้าต่างผิดหวังเพราะผู้บริโภครัดเข็มขัดทางการเงิน
ตลาดสินค้าชั้นนำในกรุงนิวเดลีที่ปกติจะเต็มไปด้วยลูกค้า กลับมีคนเข้าน้อยมาก
Manu Talwar เจ้าของร้านขายโทรศัพท์มือถือยี่ห้อชั้นนำ บอกว่ายอดขายตกทั้งๆ ที่อินเดียเป็นตลาดมือถือที่โตเร็วที่สุดในโลก
รัฐบาลอินเดียชี้ว่ากำลังมองหาวิธีกระตุ้นเศรษฐกิจและตามรายงาน รัฐบาลอินเดียกำลังพิจารณาที่จะอัดฉีดเงินเข้าระบบหลายพันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายกรัฐมนตรี Modi ที่ได้ชื่อว่าเป็นมิตรต่อธุรกิจ และเป็นผู้นำนักปฏิรูป ได้ประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ว่าได้ตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาที่มีสมาชิก 5 คนเพื่อให้คำเเนะนำด้านเศรษฐกิจเเก่ตนเอง
นายกรัฐมนตรี Modi ได้หวังมาตลอดว่าจะกระตุ้นให้ภาคการผลิตสร้างงานเเก่คนงานที่ด้อยความสามารถ แต่โครงการ "Make in India’’ ที่นาย Modi เป็นผู้ริเริ่มเพื่อดึงดูุดนักลงทุนต่างชาติ ยังไม่ได้ผลอย่างที่ตั้งเอาไว้ เเละเศรษฐกิจที่ชะลอตัวยิ่งทำให้มีการสูญเสียตำแหน่งงานในหลายภาคด้วยกัน
บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐบาลยังมีความหวัง โดยมองว่าการชะลอตัวทางเศรษฐกิจนี้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น เเต่นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอินเดียจะเชื่องช้า
เเละนั่นหมายความว่าความหวังของคนหางานทำอย่าง Pushkar Singh และเจ้าของร้านมือถือ Manu Talwar ที่ว่าเศรษฐกิจจะกระเตื้องขึ้น อาจจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้
(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)