ผลการศึกษาของธนาคารโลกเมื่อไม่นานมานี้ชี้ว่า อินเดียจะต้องแก้ไขปัญหาจำนวนผู้หญิงในตลาดเเรงงานที่ลดลงเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ
เเม้ว่าเศรษฐกิจของอินเดียจะเติบโตดี เเต่การว่าจ้างผู้หญิงกำลังลดลงอย่างมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีผู้หญิงเพียง 27 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ยังทำงาน เทียบกับราว 40 เปอร์เซ็นต์เมื่อราวกลางคริสต์ทศวรรษที่ 1990 และนี่เป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าชาติรายได้น้อยกว่าหลายชาติ รวมทั้งบังคลาเทศ และชาติเศรษฐกิจเติบโตเร็วอย่างบราซิล
ผลการศึกษาของธนาคารโลกพบว่า ผู้หญิงอินเดียวัยทำงานที่อายุระหว่าง 26-45 ปี อย่างน้อย 3 ใน 5 คน ไม่ทำงาน
อย่างไรก็ตาม เหตุผลของปัญหานี้ไม่ได้เป็นเหตุผลทางลบทั้งหมด ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเศรษฐกิจอินเดียเติบโตอย่างรวดเร็ว สร้างรายได้แก่ครอบครัวเพิ่มขึ้น และผลักดันให้หลายล้านครัวเรือนขยับสถานะขึ้นไปเป็นชนชั้นกลางกับชนชั้นกลางระดับสูง รายได้ที่เพิ่มขึ้นในครัวเรือนนี้ช่วยให้ผู้หญิงจำนวนมากมีทางเลือกที่จะไม่ทำงาน
ส่วนในชนชั้นที่มีรายได้น้อยกว่า เเรงงานในภาคการเกษตรและภาคการก่อสร้างมีรายได้เพิ่มขึ้น ทำให้ครอบครัวยากจนจำนวนมากในเขตชนบทส่งลูกสาวไปเรียนหนังสือ มีผลให้จำนวนเด็กหญิงเเละหญิงสาวอินเดียอายุ 15-25 ปีไปโรงเรียนและมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้นเท่าตัวไปอยู่ที่ 30 เปอร์เซ็นต์
เฟดเดอริโก ซานเดอร์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสเเห่งธนาคารโลกในกรุงนิวเดลลี กล่าวว่า หญิงสาวส่วนมากในกลุ่มนี้เคยทำงานมาก่อนเพราะความจำเป็นทางการเงิน แต่ขณะนี้ได้กลับไปเรียนหนังสืิอต่อเพื่อเพิ่มคุณสมบัติด้านการศึกษาเเก่ตนเอง
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงทุกคนไม่ได้เลือกที่จะอยู่บ้านเเทนที่จะไปทำงาน แต่เหตุผลมาจากการขาดเเคลนตำเเหน่งงานที่เหมาะสม
ซานเดอร์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส กล่าวว่า หากสอบถามผู้หญิงอินเดียจะพบว่าหลายคนอยากทำงานแต่ไม่มีตำแหน่งงานให้เลือก
ในประเทศที่มีการขยายตัวของเขตเมืองอย่างอินเดีย เมืองใหญ่เเห่งต่างๆ มีตำเเหน่งงานในด้านการบริการและการผลิตสินค้า แต่ในเมืองเล็กกว่า กลับไม่มีตำเเหน่งงานเหล่านี้
การิมา เวอมา อายุ 32 ปี ลาออกจากงานเมื่อหนึ่งปีที่แล้วเพราะต้องการหยุดพัก แต่เมื่อหลายเดือนก่อนได้ย้ายจากกรุงนิวเดลลีไปอยู่ที่จัยปุระ เธอบอกว่าการหาตำเเหน่งงานที่เหมาะสมในเมืองที่เล็กกว่าเป็นไปได้ยาก
เเละเเม้แต่ในเขตเมืองใหญ่ที่กำลังเติบโต ผู้หญิงอินเดียพบว่ายากมากที่จะทำงานหลังมีครอบครัว เพราะอินเดียมีโครงสร้างการทำงานที่ขาดความยืดหยุ่น รวมทั้งยังขาดเเคลนการบริการดูแลเด็ก
สายรี ชาฮาล ผู้ก่อตั้ง SHEROES หน้าเว็บไซท์ที่ช่วยผู้หญิงในการหางานทำ กล่าวว่า ในยุคแห่งการเเข่งขันระดับทั่วโลก การทำงานล่วงเวลากลายเป็นเรื่องปกติในที่ทำงานส่วนใหญ่ และในวัฒนธรรมอินเดียที่ผู้ชายเป็นใหญ่ก็ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น
เธอกล่าวว่าบริษัทต่างๆ ไม่ให้ความสำคัญกับความจำเป็นที่ต้องมีความยืดหยุ่นในทำงาน การลาคลอดลูกยังไม่ได้รับความใส่ใจ ในขณะที่ผู้หญิงต้องไปทำงาน ผู้ชายยังไม่ยอมช่วยงานบ้าน ทำให้ผู้หญิงยังต้องเเบก ภาระงานบ้านเองต่อไปหลังเลิกงาน
เมื่อหกปีที่แล้ว สวาติ ชาร์มา เคยทำงานทางไกลจากบ้านเป็นเวลาหลายเดือนหลังจากคลอดลูก เเต่หลังจากนั้นไม่นานเธอต้องลาออกจากงานเพราะทางบริษัทต้องการให้เธอเข้าไปทำงานในสำนักงาน เธอเลือกลาออกจากงานเพราะไม่มีทางเลือกเพราะไม่มีใครดูแลลูก เเละสถานดูเเลเด็กเล็กใกล้บ้านในกรุงนิวเดลลีไม่มีคุณภาพ
ทั้งสวาติ ชาร์มาและการิมา เวอมา มีการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเเปลกใจมากที่อินเดียมีจำนวนผู้หญิงทำงานน้อย ทั้งๆ ที่คนที่มีการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในอินเดียเป็นผู้หญิง
ซานเดอร์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสเเห่งธนาคารโลก กล่าวว่า นี่ถือเป็นภาวะสมองไหลอย่างหนึ่ง เพราะผู้หญิงที่ได้รับการศึกษาสูงกลับไม่ได้ทำงาน เขากล่าวว่าทั่วอินเดีย มีผู้หญิงที่เรียนจบประกาศนียบัตรและมหาวิทยาลัยเเค่ 34 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ทำงาน โดยชี้ว่าตัวเลขนี้รวมถึงผู้หญิงที่เรียนจบด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ทางธนาคารโลกชี้ว่าอินเดียจะต้องสร้างงานให้เเก่ผู้หญิงเหล่านี้เพื่อใช้ประโยชน์จากทรัพยากรบุคคลที่มีการศึกษาสูง เเละชี้ว่า การปิดช่องว่างทางเพศเป็นกุญเเจสำคัญในการสร้างงาน โดยเฉพาะตำเเหน่งงานเงินเดือนทั่วไปที่มีความยืดหยุ่นและปลอดภัยสำหรับผู้หญิง
(รายงานโดย Anjana Pasricha / ทักษิณา ข่ายแก้ว )