กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ (International Monetary Fund) ปรับลดการคาดการณ์อัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า สืบเนื่องจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน แรงกดดันจากเงินเฟ้อ และนโยบายขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ทำให้ต้นทุนของภาคธุรกิจและครัวเรือนสูงขึ้น
ไอเอ็มเอฟ คาดว่า เศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะขยายตัวที่ระดับ 2.7% ลดลงจากระดับ 2.9% ที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนกรกฎาคม อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟยังคงไม่ปรับการคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ที่ระดับ 3.2%
ไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า หากไม่นับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วงที่เกิดการระบาดสูงสุดเมื่อปี 2020 เศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะเติบโตในระดับที่ช้าที่สุดในรอบ 21 ปี และช่วงที่เลวร้ายที่สุดยังมาไม่ถึง ซึ่งคาดว่ามากกว่า 1 ใน 3 ของประเทศต่าง ๆ จะประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า กล่าวคือ มีการเติบโตที่ลดลงสองไตรมาสติดต่อกัน
ภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ไม่สู้ดีนักเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย ตั้งแต่การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน สหรัฐฯ และประเทศหลัก ๆ ในยุโรป รวมทั้งสงครามในยูเครนที่ก้าวเข้าสู่เดือนที่ 8 แล้ว
คริสตาลินา จอร์จิเอวา กรรมการผู้จัดการใหญ่ไอเอ็มเอฟ กล่าวที่การประชุมประจำปีของไอเอ็มเอฟและธนาคารโลก ที่กรุงวอชิงตัน เตือนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก และว่า เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับ "ช่วงเวลาเปราะบางเป็นประวัติการณ์"
สำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไอเอ็มเอฟคาดว่าจะขยายตัวที่ 1.6% ในปีนี้ ลดลงจากระดับ 2.3% ที่คาดไว้เมื่อเดือนกรกฎาคม และจะขยายตัวเพียง 1% ในปีหน้า
ส่วนเศรษฐกิจจีน คาดว่าจะเติบโตที่ 3.2% ในปีนี้ ลดลงจาก 8.1% เมื่อปีที่แล้ว และจะขยายตัว 4.4% ในปีหน้า
ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซนจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในปีนี้ สืบเนื่องจากราคาพลังงานที่สูงขึ้นเพราะสงครามในยูเครน
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกนั้น ไอเอ็มเอฟคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 8.8% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 4.7% เมื่อปีที่แล้ว
- ที่มา: วีโอเอ