ขณะนี้สายตาของประชาชนกัมพูชากำลังจับจ้องไปที่ ฮุน มาเนต ผู้บัญชาการกองทัพบกกัมพูชา และบุตรชายคนโตของนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ที่ได้รับการคาดหมายว่าจะนำพรรคการเมืองของบิดาลงแข่งขันศึกเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคมนี้ และคาดว่าเขาอาจจะก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของกัมพูชา
เมื่อเกือบสองปีก่อน มีข่าวแพร่สะพัดว่า ฮุน มาเนต อาจดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรครัฐบาล Cambodian People’s Party (CPP) ในการเลือกตั้งใหญ่ปี 2023 แต่ ฮุน เซน ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวโดยยืนยันว่า ไม่มีความจำเป็นที่บุตรชายของตนจะขึ้นเป็นนายกฯ เพราะตนยังคงอยู่ในตำแหน่งนี้
"โอกาสที่เขาจะเป็นนายกฯ ยังมาไม่ถึงก่อนปี 2028 อาจเป็นช่วงระหว่างปี 2028 - 2030 ตอนนี้เขาต้องรอไปก่อน" ฮุน เซน กล่าวไว้ในครั้งนั้น
พลโทฮุน มาเนต วัย 46 ปี คือบุตรชายคนโตของ ฮุน เซน จบการศึกษาจากวิทยาลัยกองทัพบกสหรัฐฯ ที่เมืองเวสต์พอยต์ รัฐนิวยอร์ก เมื่อปี 1999 และจบปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบริสตอล ประเทศอังกฤษ เขาเป็นผู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรครัฐบาลกัมพูชาในฐานะนายกรัฐมนตรีในอนาคต
ฮุน มาเนต เริ่มปรากฎตัวบนสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้นในช่วงหลายเดือนมานี้ เพื่อสร้างช่องทางให้เป็นที่รู้จักต่อสาธารณชนมากขึ้น เขาก้าวขึ้นมาเป็นตัวเต็งผู้สมัครในสภาของพรรค CPP ในการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม ซึ่งพรรค CPP ได้การคาดหมายว่าจะชนะเลือกตั้งถล่มทลายอีกครั้ง
ซัน ชเฮย์ หนึ่งในผู้นำฝ่ายค้านของกัมพูชา กล่าวกับวีโอเอ ภาคภาษาเขมร เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า ตนค่อนข้างชื่นชมประวัติการศึกษาและคุณสมบัติด้านอื่น ๆ ของ ฮุน มาเนต "แต่ต้องรอดูต่อไปว่าเขาจะสามารถจัดการปัญหาที่กัมพูชาเผชิญอยู่ได้หรือไม่ รวมถึงปัญหาคอร์รัปชั่น และความเป็นอิสระของฝ่ายตุลาการ"
ฮุน มาเนต คือหนึ่งในกลุ่มผู้นำรุ่นใหม่ของพรรค CPP ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นบุตรหลานของผู้นำรุ่นก่อน ที่ต้องพยายามโน้มน้าวให้ประชาชนเห็นว่าพวกเขามีวิสัยทัศน์สมัยใหม่สำหรับกัมพูชา โดยที่ไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจนเป็นผลเสียต่อเครือข่ายระบอบอุปถัมภ์ซึ่งเป็นรากฐานของพรรครัฐบาลกัมพูชาในปัจจุบัน
ช่วงสองปีที่ผ่านมา ฮุน มาเนต ปรากฎตัวในการกล่าวปราศรัยงานสำคัญต่าง ๆ มากมายเหมือนที่บิดาของเขาเคยทำมาก่อน และยังพบกับบรรดาผู้นำจากหลายประเทศในฐานะผู้บัญชาการกองทัพบก รวมถึงการพบกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ฟุมิโอะ คิชิดะ และประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง
เมื่อเดือนเมษายน ฮุน มาเนต ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายพล 4 ดาวซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดในกองทัพ นอกจากนี้เขายังเป็นหนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการถาวรของพรรค CPP และยังทำหน้าที่ดูแลการขยายการสนับสนุนต่อพรรครัฐบาลในกลุ่มคนหนุ่มสาวของกัมพูชา
อาจารย์อาสตริด นอเรน-นิลส์สัน แห่ง Center for East and Southeast Asian Studies มหาวิทยาลัยลุนด์ (Lund University) ในสวีเดน ให้ความเห็นว่า "การเปลี่ยนแปลงในระดับผู้นำของพรรคในรอบกว่า 40 ปีครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญ" "การที่มีคนรุ่นใหม่ซึ่งจบการศึกษาระดับปริญญาเอกก้าวขึ้นมามีอำนาจ เราอาจคาดหวังได้ว่าจะมีรัฐบาลที่สามารถเชื่อมโยงกับสังคมได้ด้วยแนวทางใหม่ๆ ที่แตกต่างจากรุ่นพ่อแม่ของพวกเขา"
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหลังการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น ยิ่งเน้นย้ำถึงความท้าทายที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ในการเมืองกัมพูชาต้องเผชิญ
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ สำนักข่าว Voice of Democracy ถูกเพิกถอนใบอนุญาตและถูกปิดเว็บไซต์ ต่อมาเมื่อเดือนมีนาคม ผู้นำฝ่ายค้าน เขม โสกา ถูกศาลตัดสินกักบริเวณ 25 ปี และมีนักรณรงค์ฝ่ายค้านถูกจับกุมหลายคนจากการโพสต์วิจารณ์ ฮุน เซน ในโลกออนไลน์
เซบาสเตียน สแตรนจิโอ ผู้เขียนหนังสือ Hun Sen’s Cambodia กล่าวกับวีโอเอ ภาคภาษาเขมร ว่า การก้าวขึ้นมาของบรรดาผู้นำพรรครุ่นใหม่ คือการเปลี่ยนแปลงด้านยุคสมัยที่สำคัญ แต่ความพยายามรักษาระบอบอุปถัมภ์เอาไว้จะกลายเป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปทางการเมืองของกัมพูชา
ผู้ติดตามการเมืองกัมพูชาผู้นี้เชื่อด้วยว่า "ฮุน เซน จะยังคงมีบทบาทสำคัญต่อการเมืองกัมพูชาต่อไปจนกว่าเขาจะหมดลมหายใจและหายไปจากฉากทางการเมืองอย่างถาวร และถึงแม้เขาจะไม่อยู่ในตำแหน่งนายกฯ เขาก็จะยังคงบงการอยู่เบื้องหลังเพื่อรักษาสมดุลอำนาจในพรรค CPP"
รศ.เอียร์ โสพาล ชาวอเมริกันเชื้อสายกัมพูชาและนักวิชาการด้านการเมืองแห่งมหาวิทยาลัย แอริโซนา สเตท (Arizona State University) เชื่อว่า แม้จะค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า ฮุน มาเนต จะกลายเป็นผู้นำคนต่อไปของกัมพูชา แต่ที่ยังไม่ชัดก็คือจะเกิดอะไรขึ้นในยุคสมัยของเขา และเขาจะรักษาฐานอำนาจของบิดาไว้ได้หรือไม่ อย่างไร
ที่ผ่านมา ฮุน มาเนต แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งการปฏิรูปกองทัพ "ซึ่งจะมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ"
อู วีรัก ผู้ก่อตั้งศูนย์วิจัย Future Forum ในกรุงพนมเปญ ระบุว่า ฮุน มาเนต จำเป็นต้องรักษาสิ่งที่ ฮุน เซน สร้างเอาไว้ พร้อมไปกับการนำพากัมพูชาไปในทิศทางใหม่ แต่ปัญหาคือระบบที่เป็นอยู่จะเอื้อให้เขาทำเช่นนั้นได้หรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าเป็นเรื่องยาก
นักวิชาการผู้นี้เตือนถึงกลุ่มก๊กต่าง ๆ ภายในพรรค CPP ที่ต่างต้องการผลประโยชน์ของตนเอง ซึ่งจะทำให้เกิดความตึงเครียดขึ้น และ ฮุน มาเนต จำเป็นต้องประสานและจัดการเรื่องนี้ให้ได้ ซึ่งจะเป็นสิ่งชี้วัดความสำเร็จและความชอบธรรมในการปกครองของฮุน มาเนต เมื่อเวลาของเขามาถึง
- ที่มา: วีโอเอ