วิเคราะห์: รัฐบาลสหรัฐฯควรทำอย่างไรเพื่อช่วยประชาชนต่อสู้ปัญหาโภชนาการ 

Americans Special Diets

Your browser doesn’t support HTML5

Unhealthy Food Govt Regulation


งานวิจัยที่ใช้เวลาศึกษากว่า 17 ปี และได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสาร The American Journal of Clinical Nutrition ระบุว่า 1 ใน 5 ของแคลอรี่ที่ชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่รับประทานเข้าไปนั้นมาจากอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำและมีน้ำตาล เกลือ และไขมันสูง หรือที่เรียกว่า junk food (อาหารขยะ)

ดร. ดารีอุส มอสซาแฟร์เรียน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและคณบดีคณะวิทยาศาสตร์โภชนาการ และนโยบายของมหาวิทยาลัยทัฟส์ใกล้นครบอสตันของสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในบุคลการด้านสาธารณสุขที่ออกมาเรียกร้องให้ผู้คนและรัฐบาลปรับความสนใจจากเรื่อง ความไม่มั่นคงทางอาหาร มาเป็นเรื่อง การเข้าถึงอาหารที่มีประโยชน์ของประชากร

เขาบอกว่า ธุรกิจอาหารเป็นภาคส่วนเดียวในเศรษฐกิจของอเมริกาที่มีการขายอาหาร หรือ ‘สินค้า’ ที่ไม่ดีต่อสุขภาพอย่างโจ่งแจ้ง แต่ผู้บริโภคนั้นกลับต้องเป็นคนคอยระวังถึงความเสี่ยงเอง ซึ่งเมื่อมองดูภาคธุรกิจอื่นๆที่มีความเสี่ยงต่อประชาชน รัฐบาลสหรัฐฯได้เข้ามามีบทบาทในการควบคุมทั้งสิ้น เช่น การออกมาตราฐานความปลอดภัยของยานพาหนะ หรือ ความปลอดภัยของที่อยู่อาศัย

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจคนนี้พูดต่อว่า ผู้คนมักมองว่าสุขภาพที่แข็งแรงเป็นเรื่องปกติ และการเจ็บป่วยเป็นอะไรที่ผิดปกติ แต่หากมองถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นจะเห็นได้ว่า โรคต่างๆที่มีต้นตอมาจากการอาหารนั้นทำให้สหรัฐฯมีคนที่มีสุขภาพไม่ดีมีมากกว่าคนที่มีสุขภาพดี โดยตอนนี้ คนอเมริกันวัยผู้ใหญ่ถึง 9 ใน 10 คน มีระบบการเผาผลาญที่ไม่ดีเพราะเหตุผลข้างต้น

ทำไมเราถึงห้ามใจไม่กินอาหารขยะได้ยาก?

FILE - A mixture of salty snacks and chips is shown on a table in Pittsburgh's Market Square, Feb. 7, 2012.

ทั้งนี้ “อาหารขยะ” นั้นถือเป็นอะไรที่ยากที่จะหักห้ามใจไม่กิน ซึ่ง ลินดา บาร์โธซัค อาจารย์มหาวิทยาด้านวิทยาศาสตร์โภชนาการของ University of Florida อธิบายถึงเหตุผลที่เป็นเช่นนั่นว่า “อาหารขยะ” ประกอบไปด้วยความหวาน เกลือและไขมัน สิ่งเหล่านี้เป็นของจำเป็นที่ต้องใช้ในการดำรงชีวิต เพราะพวกมันช่วยสร้างพลังงานให้แก่ร่างกาย

ธอกล่าวด้วยว่า ความหวานนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะน้ำตาลกลูโคสเป็นพลังงานอย่างเดียวที่สมองจะดึงขึ้นมาใช้ เพราะฉะนั้น​ โดยธรรมชาติ ร่างกายของเราก็จะชอบมัน แต่ปัญหาหลักนั้นกลับมาตกอยู่ที่ความเหมาะสม เนื่องจากร่างกายของคนเรานั้นไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อที่จะบอกเราว่าเมื่อไหร่เราควรจะหยุดทานอาหารที่มีส่วนประกอบที่มีเกลือที่เยอะ น้ำตาลที่สูง และไขมันจำนวนมาก

“เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้นและพ้นวัยที่จะสามารถมีบุตรได้ วิวัฒนาการ(ทางชีววิทยา)ก็ไม่สนว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเรา การรับประทานของที่เคยสำคัญในช่วงวัยเด็กๆเลยกลับกลายมาเป็นสิ่งที่เป็นอันรายต่อร่างกาย เรากินของพวกนั้นมากเกินไป ก่อให้เกิดโรคต่างๆมากมาย” อาจารย์มหาวิทยาด้านวิทยาศาสตร์โภชนาการของ University of Florida กล่าว

ใบสั่งยาจากแพทย์คือ... การทานอาหารที่ดี

รัฐบาลสหรัฐฯใช้เงินมากกว่า $3.8 ล้านล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 120 ล้านล้านบาทกับเรื่องต่างๆทางด้านสาธารณสุขของประเทศ แต่คนอเมริกันจำนวนมากขึ้นกลับมีสุขภาพที่แย่ลง ซึ่ง ดร. มอสซาแฟร์เรียนบอกว่าถึงเวลาแล้วที่การทานโภชนการของอาหารที่มีประโยชน์จะเข้ามามีบทบาทในการแก้ปัญหานี้

ดร. มอสซาแฟร์เรี่ยนบอกว่าการแก้ปัญหาที่ตรงไปตรงมาและได้มีหลักฐานการรับรองว่าได้ผล คือ การใช้ใบสั่งยา เแต่ยาที่แพทย์จะสั่งเพื่อทำให้อาการๆต่างดีขึ้นคืออาหารที่มีประโยชน์ โดยอาหารเหล่านี้ ผู้ป่วยจะไม่ต้องเสียเงินซื้อหรือหากเสีย ก็เพียงแค่เล็กน้อย เนื่องจากรัฐบาลหรือประกันสุขภาพจะเป็นคนจ่ายให้

ในอดีต ทำเนียบขาวนั้นก็เคยจัดการประชุมใหญ่เรื่องอาหาร คุณค่าทางโภชนาการ และสุขภาพนานมาเเล้ว คือเมื่อปี 1969 ซึ่งอยู่ในช่วงของประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน

ท้ายสุดนี้ ดร. มอสซาแฟร์เรี่ยนบอกว่าเขาอยากให้รัฐบาลกลางของสหรัฐฯปรับปรุงโครงการด้านโภชนาการที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการ Supplemental Nutrition Assistance Program หรือ (SNAP) ที่ช่วยจัดสรรอาหารให้ครอบครัวที่ทุกข์ยาก โครงการ Meals on Wheels ที่จัดส่งอาหารถึงบ้านให้คนอเมริกันวัยชรา หรือ โครงการอาหารกลางวันในโรงเรียนของเด็กๆ

Apa artinya makanan sehat tanpa kemasan yang ramah lingkungan? Kerjasama Avano Eco dengan Kopanakala, salah satu vendor makanan di Hawaii. (Foto: IG/@avanoeco)