ตำรวจฮ่องกงใช้ปืนใหญ่น้ำและสเปรย์พริกไทยสลายกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องเอกราชฮ่องกง และจับกุมผู้ประท้วงอย่างน้อย 70 คน ในย่านคอสเวย์ เบย์ ของฮ่องกง เมื่อวันพุธ (1 ก.ค.) ซึ่งเป็นวันครบรอบ 23 ปี ที่อังกฤษส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนให้กับจีน โดยถือเป็นการจับกุมครั้งแรกภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่
ในจำนวนผู้ที่ถูกจับกุมมีชายและหญิงที่ชูสัญลักษณ์การประกาศอิสรภาพของฮ่องกงรวมอยู่ด้วย
กฎหมายฉบับนี้เพิ่งผ่านการรับรองของคณะกรรมการประจำสภาประชาชนแห่งชาติของจีน และเซ็นรับรองโดยประธานาธิบดีสิ จิ้นผิง เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. โดยระบุให้รัฐบาลกลางจีนจัดตั้งสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง เพื่อรับมือกับการโค่นล้มอำนาจรัฐ การก่อการร้าย การแบ่งแยกดินแดน และการฝักใฝ่กับกองกำลังต่างชาติ
ผู้ฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าวอาจได้รับโทษตั้งแต่จำคุกไม่กี่ปีไปจนถึงจำคุกตลอดชีวิต และอาจถูกส่งไปดำเนินคดีที่จีนด้วยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ ทางการฮ่องกงได้ห้ามการเดินขบวนในวันครบรอบดังกล่าวอยู่แล้ว โดยให้เหตุผลว่า เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19
แครี แลม ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ระบุว่า การบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้เป็นพัฒนาการที่สำคัญที่สุดของฮ่องกงในวันครบรอบนี้
อย่างไรก็ตาม นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย ทางการสหรัฐอเมริกา และประเทศตะวันตกอื่น ๆ กลับเห็นว่า กฎหมายนี้ทำลายหลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการคืนเกาะฮ่องกงให้จีนเมื่อปี 2540 โดยหลักการดังกล่าวรับรองสิทธิในการปกครองตนเองและเสรีภาพของพลเมืองฮ่องกงเป็นเวลา 50 ปี
กฎหมายฉบับนี้ยังเป็นหนึ่งในความพยายามของประธานาธิบดีสี ที่ต้องการเพิ่มการควบคุมฮ่องกงในช่วงหลายปีมานี้ ซึ่งจุดชนวนให้นักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยเดินขบวนเรียกร้องเสรีภาพเพื่อฮ่องกง
เมื่อปี 2562 มีการเดินประท้วงขนาดใหญ่ทั่วเกาะฮ่องกง และลุกลามเป็นการใช้ความรุนแรง จากการที่รัฐบาลฮ่องกงพยายามผ่านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน จนสุดท้ายต้องเพิกถอนร่างกฎหมายดังกล่าวไป
การที่สภาประชาชนจีนรับรองกฎหมายฉบับนี้ถือเป็นการกระโดดข้ามบทบาทหน้าที่ของสภาฮ่องกงตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญของฮ่องกง โดยก่อนหน้านี้สมาชิกสภาของฮ่องกงเคยถูกรัฐบาลจีนกดดันให้ผ่านกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติมาแล้ว แต่ถูกคัดค้านอย่างหนัก