Your browser doesn’t support HTML5
องค์การอุตินิยมวิทยาโลกหรือ WMO เปิดเผยว่าปริมาณเเก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่สั่งสมในชั้นบรรยากาศโลกได้เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 400 ส่วนต่อหนึ่งล้านส่วนแล้วเมื่อปีที่แล้วและยังได้เพิ่มสูงขึ้นไปอีกในปีนี้
นาย Petteri Taalas เลขาธิการของ WMO กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของปริมาณเเก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศโลกนี้ สร้างผลกระทบทางลบต่อโลก เนื่องจากเเก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จะคงอยู่ในชั้นบรรยากาศโลกไปอีกนานหลายชั่วอายุคน เขากล่าวว่า เรากำลังก้าวย่างไปผิดทาง เเละภาวะโลกร้อนกำลังเพิ่มความรุนแรงขึ้น
แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงจากซากพืชและซากสัตว์ดึกดำบรรพ์และกิจกรรมอื่นๆ ของมนุษย์ บรรดานักอุตุนิยมวิทยาชี้ว่าแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ส่งผลนับเป็น 65 เปอร์เซ็นต์ของปัจจัยที่ทำให้โลกร้อนขึ้น ส่วนแก๊สเรือนกระจกอีกสองชนิดคือ แก๊สมีเทนและไนเตรตออกไซด์ ส่งผลให้โลกร้อนขึ้น 17 เปอร์เซ็นต์และ 6 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ
นาย Taalas เลขาธิการของ WMO กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการกับปัญหาโลกร้อนโดยไม่จัดการกับการปล่อยเเก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ไปสู่ชั้นบรรยากาศโลก เพราะแก๊สเรือนกระจกชนิดนี้จะคงอยู่ในชั้นบรรยากาศโลกเป็นระยะเวลานานมาก
มีการศึกษาเชิงวิทยาศาสตร์หลายชิ้นที่ประมาณว่า เราอาจต้องใช้เวลานานหลายหมื่นปีเพื่อปรับปรุงให้ระดับเเก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศโลก ให้กลับไปอยู่ในระดับเดียวกับในช่วงก่อนหน้ายุคอุตสาหกรรม ดังนั้นจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนมากที่คนเราต้องเริ่มลดปริมาณเเก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศโลกลง
หากเราไม่ทำเช่นนั้น ปัญหานี้จะคงอยู่กับเราไปอีกหลายพันถึงหลายหมื่นปี
นาย Taalas เลขาธิการของ WMO ยินดีต่อข้อตกลงว่าด้วยสภาพภูมิอากาศโลกแห่งปารีส (Paris Climate Agreement) แต่เขากล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับค่อนข้างจำกัดเพราะการลดปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละประเทศ ไม่ได้เป็นข้อบังคับตามกฏหมายแต่อย่างใด
เขาชี้ว่าโลกเรายังมีโอกาสในการแก้ปัญหานี้ในช่วงหลายสิบปีข้างหน้า หากปรับเปลี่ยนจากการแก้ปัญหาด้วยความสมัครใจเป็นการปฏิบัติการอย่างเเข็งขัน
เขากล่าวปิดท้ายว่า แนวโน้มทางลบยังจะเกิดขึ้นต่อไปในช่วงหลายสิบปีต่อจากนี้ แต่หากชาติต่างๆ เริ่มลดปริมาณเเก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ลงเสียตั้งเเต่ตอนนี้ เขาคิดว่าปัญหาภาวะโลกร้อนก็จะเริ่มปรับปรุงดีขึ้นภายในปี ค.ศ. 2060 หรืออีก 44 ปีข้างหน้า
(รายงานโดย Lisa Schlein / เรียบเรียงโดย ทักษิณา ข่ายแก้ว )