งบกลาโหมทั่วโลกเพิ่มต่อเนื่องรวม 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ปีที่แล้ว

Your browser doesn’t support HTML5

งบกลาโหมทั่วโลกเพิ่มต่อเนื่องรวม 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ปีที่แล้ว

Your browser doesn’t support HTML5

Global Military Spending

เมื่อ 21 ปีที่แล้วในช่วงหลังสงครามเย็น งบประมาณกลาโหมของประเทศทั่วโลกลดลงถึงจุดต่ำสุดในปี 2541 แต่การใช้จ่ายด้านการทหารกลับถีบตัวสูงขึ้นอีกหลังเหตุการณ์โจมตีของผู้ก่อการร้ายในสหรัฐ เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 หรือในปี พ.ศ. 2544 และเมื่อปีที่แล้ว มียอดรวมกันสูงถึง 1.8 ล้านล้านดอลลาร์

โดยส่วนหนึ่งมาจากการใช้จ่ายด้านการทหารของสหรัฐเพื่อทำสงครามต่อต้านผู้ก่อการร้าย เช่น ในอัฟกานิสถานและอิรัก อย่างไรก็ตาม แม้สหรัฐจะมีสัดส่วนของงบประมาณด้านกลาโหมสูงที่สุดในโลก คือราว 1 ใน 3 จากยุทโธปกรณ์ทันสมัยต่างๆ ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มเรือบรรทุกเครื่องบิน 11 กลุ่ม อาวุธนิวเคลียร์ และกำลังทหารราว 2.1 ล้านคน แต่รัสเซียกับจีนก็ได้เร่งสร้างพลานุภาพทางทหารของตนขึ้นเช่นกัน

ขณะนี้จีนมีงบใช้จ่ายทางทหารมากเป็นอันดับสองของโลก ด้วยสัดส่วนประมาณ 14% โดยจีนได้สร้างกลุ่มเรือบรรทุกเครื่องบินสองกลุ่มในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และกำลังเร่งสร้างกลุ่มที่สามและมีกำลังทหารรวม 2.5 ล้านคน

นอกจากนั้นแล้ว จีนกำลังเร่งพัฒนาอาวุธรูปแบบใหม่ที่มีความเร็วเหนือเสียง 5 เท่าและอาวุธในอวกาศด้วย

สำหรับประเทศที่มีงบกลาโหมมากเป็นอันดับสามคือรัสเซีย และที่สี่คืออินเดีย โดยอินเดียได้เพิ่มงบประมาณพัฒนากองทัพขึ้นอีก 1 หมื่น 1 พันล้านดอลลาร์ ในเวลาเพียงสามปี

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงของสหรัฐได้ชี้ว่า ถึงแม้โดยภาพรวมแล้วกองทัพของจีนกับรัสเซียอาจยังไม่ทันสมัยทัดเทียมกับกองทัพสหรัฐก็ตาม แต่ในบางเรื่องขีดความสามารถของทั้งสองประเทศนี้ไปไกลเกินกว่าสหรัฐแล้ว

และนักวิเคราะห์เตือนว่า ขณะที่รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพยายามกดดันให้ประเทศพันธมิตรซึ่งเป็นสมาชิกขององค์การนาโตตั้งงบประมาณกลาโหมได้สัดส่วนเท่ากับ 2% ของผลผลิตจีดีพีของแต่ละประเทศนั้น ความขัดแย้งทางทหารระหว่างประเทศครั้งต่อไปหากมีขึ้นก็อาจจะสร้างความพินาศย่อยยับได้ พอๆ กับสัดส่วนของงบประมาณที่เพิ่มขึ้นนี้เช่นกัน