กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน หรือ PLA เปิดเผยแผนพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เพื่อนำไปใช้ในการทำสงครามในอนาคต โดยเน้นแข่งขันกับสหรัฐฯ ในการขยายอิทธิพลทางการทหารในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
ในรายงานปกขาวฉบับใหม่ของพรรคคอมนิวนิสต์จีน ซึ่งเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้มีการระบุถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ และการประมวลผลผ่านระบบคลาวน์ ที่เป็นส่วนสำคัญของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน หรือ PLA
รายงานดังกล่าวระบุว่า กองทัพจีนกำลังพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สามารถนำมาใช้ในการโจมตีระยะไกลแบบตรงเป้า การรวบรวมข่าวกรอง ตลอดจนเทคโนโลยีอาวุธล่องหนและระบบควบคุมตัวเองอัตโนมัติ
แผนจัดสรรงบประมาณการทหารของจีน
โยฮันเนส เฮลเลอร์ นักวิชาการแห่งสถาบันจีนศึกษา Mercator ในกรุงเบอร์ลิน กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางการจีนได้เปิดตัวโครงการพัฒนาอาวุธที่มีเป้าหมายลดช่องว่างความแตกต่างกับชาติตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ เช่น โครงการ Made in China 2025
อย่างไรก็ตาม รายงานปกขาวของจีนยอมรับว่าจีนยังล้าหลังหลายประเทศในด้านเทคโนโลยีทางการทหาร และว่าจีนได้ปรับลดงบประมาณด้านการทหารลงตามมูลค่าผลผลิตมวลรวมในประเทศที่ชะลอตัวลง
แต่สถาบันวิจัยด้านสันติภาพระหว่างประเทศกรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน หรือ SIPRI ระบุว่า จีนเป็นประเทศที่จัดสรรงบประมาณด้านการทหารมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐฯ โดยงบการทหารของจีนเมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ระดับ 250,000 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 639,000 ล้านดอลลาร์ของสหรัฐฯ ในปีเดียวกัน
ความกังวลของสหรัฐฯ
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ รัฐบาลสหรัฐฯ แสดงความกังวลยิ่งขึ้นต่อการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ของจีน โดยเฉพาะเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 5G ซึ่งสหรัฐฯ เกรงว่าจะถูกนำไปใช้ในการขโมยข้อมูลข่าวกรองต่างๆ รวมทั้งขยายอิทธิพลทางการค้าและการลงทุนของจีนในประเทศอื่น
นักวิชาการ โยฮันเนส เฮลเลอร์ เชื่อว่า เทคโนโลยีเหล่านี้นอกจากจะทำให้จีนได้เปรียบสหรัฐฯ ทางเศรษฐกิจแล้ว ยังช่วยให้จีนสามารถยกระดับความทันสมัยของกองทัพจีนได้อีกด้วย
ความกังวลดังกล่าวนำไปสู่การสั่งห้ามบริษัทอเมริกันทำธุรกรรมกับบริษัทเทคโนโลยีจีนบางบริษัท หรือห้ามใช้เทคโนโลยีของบริษัทเหล่านั้น เช่น หัวเหว่ย
การตั้งฐานทัพจีนในต่างประเทศ
รายงานปกขาวของจีนยังได้แนะนำให้จีนตั้งฐานทัพในต่างประเทศ เช่นเดียวกับที่ตั้งไปแล้วในจิบูตี ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอาฟริกา เป้าหมายเพื่อรักษาผลประโยชน์ของจีนในภูมิภาคอื่นๆ
คุณเฮลเลอร์ เชื่อว่า จีนได้พิจารณาเรื่องการจัดตั้งฐานทัพในต่างประเทศนอกเหนือจากที่จิบูตี มานานแล้ว โดยประเทศที่อยู่ในข่ายพิจารณานั้นรวมถึง เมืองกวาดาร์ในปากีสถาน และที่ไหนอีกสักแห่งใกล้กับทะเลจีนใต้ ซึ่งตรงกับรายงานก่อนหน้านี้ที่ว่าจีนได้บรรลุข้อตกลงใช้ฐานทัพเรือของกัมพูชาในอ่าวไทย ซึ่งทางการกัมพูชาออกมาปฏิเสธข่าวนี้
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ผู้นี้เชื่อว่า หากจีนตั้งฐานทัพในต่างประเทศขึ้นใหม่ใกล้กับฐานทัพสหรัฐฯ จริงๆ ก็คงจะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางการทหารระหว่างสองประเทศมหาอำนาจนี้ได้ยากเต็มที