Your browser doesn’t support HTML5
ขณะนี้ หลายประเทศในสหภาพยุโรป (EU) ได้ทยอยฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้แก่เด็กอายุ 5-11 ปีซึ่งมีจำนวนทั้งหมดราว 27 ล้านคนที่เข้าข่ายสามารถรับวัคซีนได้ พร้อมมีการงัดกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อให้หนูๆ รู้สึกสนุกและสบายใจเวลาฉีด แต่สำนักข่าวรอยเตอร์ชี้ว่าปัจจัยสำคัญที่แท้จริงคือความสมัครใจในหมู่ผู้ปกครองที่จะยินยอมให้บุตรของตนเองได้รับวัคซีน
การฉีดวัคซีนให้เด็กซึ่งจัดเป็นกลุ่มที่สามารถแพร่กระจายเชื้อโคโรนาไวรัสไปสู่ผู้อื่นได้นั้น นับเป็นอีกหนึ่งในกุญแจสำคัญที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขคาดว่าจะสามารถช่วยยับยั้งความรุนแรงของการระบาดได้ โดยขณะนี้สหภาพยุโรปกำลังเผชิญกับการระบาดครั้งใหญ่จนทำให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิดมากกว่า 50% ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดทั่วโลก
โรงพยาบาลและคลินิกหลายแห่งจึงพยายามงัดกลยุทธ์ เช่น สถานที่กระจายวัคซีนบางแห่งในอิตาลีได้นำตัวตลกเข้ามาเพื่อเรียกเสียงหัวเราะให้แก่เด็กๆ และยังมีการสร้างสรรค์ตัวละคร Captain Vaccine ในหนังสือการ์ตูนที่คลินิกให้เด็กๆ อ่านอีกด้วย
การกระจายวัคซีนสำหรับเด็กเล็กขึ้นอยู่แต่กับมาตรการของแต่ละประเทศใน EU เช่น เบลเยี่ยมจะเริ่มฉีดในช่วงต้นเดือนมกราคมปีหน้า ส่วนสเปนซึ่งเป็นประเทศที่มีการฉีดวัคซีนให้คนที่มีอายุมากกว่า 12 ปีสูงที่สุดในโลกได้เริ่มฉีดวัคซีนให้เด็กเล็กตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคมเป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าการกระจายวัคซีนให้แก่เด็กนั้นขึ้นอยู่กับการเอาชนะใจผู้ปกครอง เนื่องจากส่วนใหญ่ยังรู้สึกกังวลกับผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นกับเด็ก ซึ่งผลสำรวจของแต่ละประเทศก็แตกต่างกันมาก
ยกตัวอย่างเช่น เนเธอร์แลนด์ มากกว่า 42% ของผู้ปกครองราว 1,800 คนที่มีเด็กเล็ก เลือกที่จะไม่ให้บุตรของตนเองฉีดวัคซีน มีเพียง 30% เท่านั้นที่พร้อมจะให้ลูกฉีด ส่วนในอิตาลีนั้น มีกลุ่มตัวอย่างถึง 2 ใน 3 ที่สนับสนุนการฉีดวัคซีน แต่เมื่อมาถึงกรณีเด็กเล็กอายุ 5-11 ปี ความมั่นใจของผู้ปกครองลดลงไปเกือบ 40%
เมื่อเดือนที่แล้ว องค์กรสาธารณสุข European Medicines Agency (EMA) อนุมัติการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดยี่ห้อไฟเซอร์ให้แก่เด็กอายุระหว่าง 5-11 ปี ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากองค์กรข้างต้นได้อนุมัติให้กลุ่มเด็กที่อายุเกิน 12 ปีเริ่มรับวัคซีนไปก่อนหน้าตั้งแต่เดือนพฤษภาคม
ดร. ลุยจี เกร็กโก กุมารแพทย์และผู้บริหารสมาคมผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์ในแคว้น Lombardy ของอิตาลี ได้ออกมายืนยันว่า “ข้อมูลได้ชี้ชัดว่าวัคซีนของเด็กเล็กนั้นปลอดภัย มีประสิทธิภาพเหมือนกับในกลุ่มเด็กที่มีอายุมากกว่า”
ส่วนในสหรัฐฯ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ก็พูดในทำนองเดียวกันว่า ไม่มีการรายงานถึงผลกระทบที่อาจทำให้หัวใจของเด็กเล็กมีอาการอักเสบจากวัคซีนป้องกันโควิดเลย และบริษัทไฟเซอร์ก็ประกาศด้วยว่า ไม่พบผลกระทบร้ายแรงใดๆ ในระหว่างการทดลองวัคซีนป้องกันโควิดในเด็กเล็ก
รัฐบาลในบางประเทศอย่างเช่น ฝรั่งเศสและเยอรมัน จำกัดการกระจายวัคซีนจนกว่าจะมีข้อมูลเพิ่มมากขึ้น
โดยทางฝรั่งเศสแนะนำให้เด็กที่มีน้ำหนักตัวเกินและมีความเสี่ยงสูงสามารถเลือกที่จะฉีดวัคซีนได้ก่อน ส่วนคณะกรรมการดูแลการฉีดวัคซีนของเยอรมัน STIKO บอกว่าไม่สามารถให้คำแนะนำกับเด็กในวงกว้างได้ มีเพียงการสนับสนุนให้เด็กที่อายุ 5-11 ปีที่มีโรคประจำตัวหรือมีความเสี่ยงสูงเข้ารับการฉีดวัคซีนเท่านั้น
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานสาธารณสุขในบางประเทศ ได้เลือกที่จะไม่รอการอนุมัติของวัคซีนป้องกันโควิดสูตรสำหรับเด็กเพราะไม่ต้องการเสียเวลา และเดินหน้าฉีดวัคซีนสูตรผู้ใหญ่แบบลดโดสให้เด็กไปแทน เช่นในออสเตรีย เดนมาร์ก และรัฐแซ็กโซนี่ของประเทศเยอรมัน
- ที่มา สำนักข่าวรอยเตอร์