อียู ตกลงใจขยายขอบข่ายมาตรการลงโทษรัสเซีย

FILE - European and Ukraine flags fly outside the European Parliament, March 8, 2022 in Strasbourg, eastern France.

สหภาพยุโรป (อียู) ตกลงใจที่จะขยายขอบข่ายของมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจรอบที่ 3 ต่อรัสเซียสำหรับการส่งกองทัพเข้ารุกรานยูเครนโดยปราศจากการยั่วยุใดๆ ซึ่งพุ่งเป้าไปยังเจ้าหน้าที่รัฐบาลและเหล่ามหาเศรษฐีที่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน

ประธานสภาสหภาพยุโรปซึ่งฝรั่งเศสรับหน้าที่ประธานหมุนเวียนในปีนี้ ทวีตข้อความออกมาในวันพุธว่า มาตรการลงโทษใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามานั้นจะมีผลต่อ “ผู้นำรัสเซียและ โอลิกาค (Oligarch - กลุ่มผู้ทรงอำนาจทางเศรษฐกิจ) รวมทั้งสมาชิกในครอบครัวของบุคคลเหล่านั้น ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรุกรานของรัสเซียเข้าสู่ยูเครน”

ทั้งนี้ มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจรอบที่ 3 ของอียูต่อรัสเซีย ซึ่งมีรายละเอียดและขอบข่ายครอบคลุมมากที่สุดนับตั้งแต่กองทัพรัสเซียบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ รวมความถึง การสั่งอายัดสินทรัพย์ของธนาคารกลางรัสเซียที่ฝากไว้ในอียู และการสั่งห้ามสื่อของรัฐบาลกรุงมอสโกไม่ให้มาทำข่าวภายในประเทศสมาชิกด้วย

ประธานสภาสหภาพยุโรปยังเปิดเผยด้วยว่า มาตรการลงโทษชุดใหม่ที่ได้รับอนุมัติออกมาในวันพุธยังจะพุ่งเป้าไปยังกิจการเดินเรือทั้งหมดและมีคำสั่งห้ามธนาคารสัญชาติเบลารุส 3 แห่งไม่ให้เข้าใช้ระบบชำระเงินระหว่างประเทศ SWIFT รวมทั้ง มีการให้รายละเอียดแจกแจงเกี่ยวกับประเด็นการใช้สกุลเงินดิจิทัล และนำเสนอรายชื่อที่ครบถ้วนสมบูรณ์ของเทคโนโลยีและสินค้าที่ห้ามไม่ให้มีการซื้อขายระหว่างอียูและรัสเซียด้วย

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายละเอียดออกมาว่า ธนาคารใดของเบลารุสที่อียูจะดำเนินมาตรการลงโทษเพราะให้ความช่วยเหลือรัสเซียในการรุกรานยูเครน และเทคโนโลยีและสินค้าใดที่ถูกระบุอยู่ในรายชื่อภายใต้มาตรการใหม่นี้บ้าง จนกว่าทางสภาสหภาพยุโรปจะมีการประกาศใช้เป็นรายลักษณ์อักษรและตีพิมพ์ในวารสารทางการของสหภาพยุโรปเสียก่อน

นับตั้งแต่รัสเซียประกาศผนวกคาบสมุทรไครเมียเข้ากับตนเองเมื่อปี ค.ศ. 2014 อียูดำเนินมาตรการลงโทษไปแล้วต่อบุคคลจำนวน 680 คนและองค์กรจำนวน 53 แห่ง