อียู ชี้ รัสเซีย ‘ยกระดับ’ การทำสงครามในยูเครน

APTOPIX Russia Ukraine War

สหภาพยุโรป (อียู) ชี้ว่า ในเวลานี้ รัสเซียได้ยกระดับการทำสงครามในยูเครนไปแล้ว ด้วยการเดินหน้าโจมตีเป้าหมายโดยไม่เลือกหน้า โดยไม่สนใจว่าจะเป็นพลเรือนหรือบ้านเรือนผู้คน เพื่อตอบโต้การตัดสินใจขององค์การนาโต้ที่จะจัดส่งอาวุธล้ำสมัยต่าง ๆ ให้กรุงเคียฟใช้ต่อต้านการรุกรานของกองทัพมอสโก

สเตฟาโน ซานนิโน เลขาธิการฝ่ายกิจการภายนอกยุโรป (European External Action Service) ของอียู กล่าวระหว่างเข้าร่วมการประชุมที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในวันศุกร์ว่า รัสเซียไม่ได้มุ่งเป้าโจมตีแต่เพียงกองทัพของยูเครนอีกต่อไป แต่ยังโจมตีประชาชนและพื้นที่เมืองต่าง ๆ ด้วย โดยระบุว่า “ผมคิดว่า พัฒนาการล่าสุดในเรื่องของเสบียงคลังด้านอาวุธคือ วิวัฒนาการของสถานการณ์และของทิศทางรัสเซียที่จะเริ่มมุ่งการทำสงครามเข้าสู่ระดับที่แตกต่างออกไป”

เลขาธิการฝ่ายกิจการภายนอกยุโรปของอียู กล่าวว่า การส่งอาวุธใหม่ ๆ ของชาตตะวันตกให้กับยูเครนไม่ใช่เป็นการยกระดับการทำสงคราม แต่เป็นเพียงความพยายามให้โอกาสยูเครนได้ปกป้องตนเอง แต่เรื่องนี้กลับบีบให้ปูตินปรับเปลี่ยนสิ่งที่ตนเคยพูดไว้ว่า เป็น “ปฏิบัติการพิเศษ” เพื่อปลดปล่อยยูเครนจากนาซี มาเป็นการทำสงครามอีกแบบ

UKRAINE-CRISIS/TANKS-DISPUTE

ซานนิโน ระบุว่า “[ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์] ปูติน ได้เปลี่ยนแนวคิดการทำปฏิบัติการพิเศษ [ทางทหาร] ให้มาเป็นแนวคิดการทำสงครามกับนาโต้และชาติตะวันตก” แล้ว

ความเห็นของเจ้าหน้าที่อียูนี้มีออกมาในวันเดียวกับที่ยูเครนรายงานว่า กองกำลังรัสเซียได้เดินหน้าทำการโจมตีใส่ตน โดยมีการยิงปืนใหญ่อย่างหนักหน่วงเข้าใส่พื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกของประเทศ

ยูเครนระบุด้วยว่า รัสเซียระดมยิงขีปนาวุธเข้าใส่เพิ่มในวันศุกร์จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 รายและผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายสิบ หลังเพิ่งทำการแบบเดียวกันเมื่อวันพฤหัสบดีซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไป 11 คนและทำให้มีผู้บาดเจ็บอีก 11 คน

ในการแถลงข่าวประจำวันเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แสดงความขอบคุณต่อหลายประเทศที่ให้สัญญาว่าจะส่งมอบอาวุธล้ำสมัย ซึ่งรวมถึง รถถังต่าง ๆ พร้อม ๆ กับกล่าวย้ำถึงความจำเป็นให้มีการนำส่งระบบอาวุธต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว เพราะหนทางเดียวที่จะหยุด “การรุกรานของรัสเซีย” ก็คือ “อาวุธที่มีมากเพียงพอ”

ขณะเดียวกัน เดนิส ชมีฮาล นายกรัฐมนตรียูเครน โพสต์ข้อความทางสื่อสังคมออนไลน์เทเลแกรมว่า กองกำลังของมอสโกยังคงเดินหน้าโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนในช่วงที่ฤดูหนาวยังดำเนินอยู่ เพื่อทำให้ชาวยูเครนขวัญเสีย และว่า “เป้าหมายหลักก็คือ ส่วนการผลิตพลังงาน ที่ช่วยให้ชาวยูเครนมีแสงสว่างและความร้อน(ไว้ใช้)”

ราฟาเอล มารีอาโน กรอสซี ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทางสำนักงานฯ ได้รายงานมาว่า มีการระเบิดแทบรายวันใกล้ ๆ กับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาปอริซห์เชีย โดยมีเสียงระเบิดดังขึ้น 8 ครั้งเมื่อวันพุธและ 1 ครั้งในวันพฤหัสบดี

ผอ.ไอเออีเอ ยังร้องขออีกครั้ง เหมือนที่ทำมาตลอดหลายเดือน ให้ทั้งยูเครนและรัสเซียตกลงที่จะจัดตั้งโซนความมั่นคงปลอดภัยรอบ ๆ โรงไฟฟ้าแห่งนี้เพื่อให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่า พื้นที่นี้จะไม่ตกเป็นเป้าการโจมตีและไม่มีฝ่ายใดใช้เป็นจุดทำการโจมตีอีกฝ่าย

รายงานข่าวระบุว่า กรอสซีได้หารือเรื่องนี้กับปธน.เซเลนสกีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่กรุงเคียฟ และยังคงเดินหน้าหารือกับฝ่ายรัสเซียอยู่

อียูขอแอฟริกาใต้ช่วยพูดกับรัสเซีย

ในระหว่างการเยือนแอฟริกาใต้ในวันศุกร์ โจเซพ บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของอียู เรียกร้องให้รัฐบาลกรุงพริทอเรีย ใช้สายสัมพันธ์ที่มีกับรัสเซีย เพื่อพูดให้กรุงมอสโกยอมยุติสงครามในยูเครนที่ดำเนินมาเกือบปีนี้

EU Foreign Policy Chief addresses the media on Ukraine crisis in Brussels

แอฟริกาใต้กลายมาเป็นจุดหมายยอดนิยมของรัฐบาลต่าง ๆ ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ และรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ แจเน็ต เยลเลน เดินทางมาเยือนก่อนบอร์เรลล์จะมาถึงในวันศุกร์

นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า การเคลื่อนไหวทางการทูตทั้งหลายดูคึกคักขึ้นเพราะทั้งชาติตะวันตกและรัสเซียต่างต้องการให้แอฟริกาใต้หนุนตนในสถานการณ์สงครามในยูเครน

ด้วยความสัมพันธ์ที่มีมายาวนานกับมอสโก รัฐบาลพริทอเรียเลือกที่จะขอเป็นกลางในวิกฤตความขัดแย้งนี้ ซึ่งทำให้กรุงวอชิงตันและกรุงบรัสเซลส์รู้สึกผิดหวังและขุ่นเคือง

และในการเยือนครั้งนี้ บอร์เรลล์ กล่าวระหว่างการแถลงข่าวว่า “ผมหวังอย่างมากว่า แอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของเรา จะใช้ความสัมพันธ์อันดีกับรัสเซียและบทบาทที่ตนมีในกลุ่ม BRICS (ซึ่งประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีนและแอฟริกาใต้) โน้มน้าวให้รัสเซียหยุดทำสงครามไร้สตินี้เสียที”

แต่ขณะที่ บอร์เรลล์ กล่าวว่า แอฟริกาใต้สามารถช่วยคลี่คลายสถานการณ์นี้ได้อย่างมาก นาเลดี พานดอร์ รัฐมนตรีกระทรวงความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศของแอฟริกาใต้ กล่าวว่า นี่เป็นภารกิจระดับโลกที่จะสร้างสันติให้เกิดขึ้น

ในเดือนหน้า แอฟริกาใต้จะเป็นเจ้าภาพการร่วมซ้อมรบกับจีนและรัสเซีย ซึ่งหลายฝ่ายได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ไปแล้ว และ บอร์เรล ได้ให้ความเห็นว่า รัฐบาลพริทอเรียมีสิทธิ์ที่จะทำตามนโยบายต่างประเทศของตนเอง แต่ก็ชี้ว่า แผนการซ้อมรบนี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่อียู “อยากให้เกิดขึ้นเลย”

  • ข้อมูลบางส่วนมาจาก เอพี รอยเตอร์และเอเอฟพี