รัสเซียระดมยิงขีปนาวุธเข้าใส่ยูเครนในช่วงเช้าวันพฤหัสบดี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 คน หลังกองทัพมอสโกส่งโดรนเข้าจู่โจมตลอดช่วงข้ามคืน ขณะที่ การต่อสู้อย่างหนักยังคงดำเนินอยู่ทางภาคตะวันออก หลังรัสเซียยกระดับกดดันกองกำลังยูเครนที่ต่อต้านตน
การโจมตีด้วยขีปนาวุธครั้งล่าสุดของรัสเซียนี้เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี เรียกร้องให้พันธมิตรชาติตะวันตกนำส่งขีปนาวุธวิถีไกลและเครื่องบินทหารมาช่วยเสริมกำลังการต่อต้านทางอากาศ
ในการแถลงข่าวประจำวันเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ปธน.เซเลนสกี กล่าวว่า สิ่งที่จำเป็นในเวลานี้ คือ “การนำส่งเครื่องบินมาให้ยูเครน”
วิตาลี คลิตช์โก นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ เปิดเผยว่า การโจมตีทางอากาศโดยรัสเซียในวันพฤหัสบดียังทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 คนด้วย และตนได้ขอให้ประชาชนในเมืองเข้าไปอยู่ในที่หลบภัยแล้ว
ส่วน เซอร์ฮีย์ ป๊อปโก หัวหน้าส่วนบริหารกิจการทางทหารของเคียฟกล่าวว่า ระบบต่อต้านทางอากาศสามารถยิงขีปนาวุธของรัสเซียที่เข้ามาในน่านฟ้าของเมืองตกไปกว่า 12 ลูก พร้อมระบุว่า “ศัตรูยิงขีปนาวุธแบบร่อนมากว่า 15 ลูกเข้าใส่กรุงเคียฟ ... ขอบคุณระบบป้องกันทางอากาศที่ทำงานได้อย่างดีเยี่ยม (ที่ช่วยให้)เป้าหมายทางอากาศทั้งหมดถูกยิงตก”
ขณะเดียวกัน แอนดรีย์ เยอร์มัค หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ของประธานาธิบดียูเครน โพสต์ข้อความทางสื่อเทเลแกรมว่า “ขีปนาวุธชุดแรกของรัสเซียถูกยิงตกลงไปแล้ว” โดยไม่ได้ระบุจุดที่มีการยิง
อย่างไรก็ดี ทางการท้องถิ่นยังรายงานว่า โรงไฟฟ้า 2 แห่งในเขตปกครองโอเดซาทางใต้ของยูเครนถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซีย
ยูริย์ ครุก หัวหน้าส่วนบริหารกิจการทางทหารของเขตปกครองนี้ ระบุในโพสต์ทางสื่อออนไลน์ว่า “มีข้อมูลเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสำคัญ 2 แห่งในโอเดซาแล้ว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ กองกำลังต่อต้านทางอากาศเข้าปฏิบัติหน้าที่เหนือเขตปกครองโอเดซา”
นอกจากนั้น เซอร์ฮีย์ บอร์ซอฟ หัวหน้าส่วนบริหารกิจการทางทหารของเขตปกครองวินนิตเซียในภาคกลางของยูเครนเปิดเผยว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธเข้ามาเขตปกครองนี้เช่นกัน แต่ไม่มีรายงานเกี่ยวกับการเสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ
ในส่วนของสถานการณ์ในสนามรบนั้น เสนาธิการทหารยูเครนระบุในรายงานประจำวันที่ออกมาในวันพฤหัสบดีว่า กองกำลังยูเครนยังคงถูกกดดันอย่างไม่หยุดหย่อนจากการโจมตีโดยรัสเซียทางภาคตะวันออก โดยเฉพาะในเมืองบาคห์มุตและเมืองอัฟดิยิฟกา ในเขตปกครองดอแนตสก์ และเมืองเชอร์โวโปปยิฟกา ในเขตปกครองลูฮันสก์ ขณะที่ หน่วยต่อต้านของยูเครนสามารถต้านการโจมตีในลีแมน คุปแยนสก์ ซาปอริซห์เชีย และเคอร์ซอนไว้ได้ด้วย
ทั้งนี้ การโจมตีอย่างหนักหน่วงของรัสเซียเข้าใส่ยูเครนดำเนินต่อมา หลังรัฐบาลเบอร์ลินและวอชิงตันต่างตกลงที่จะนำส่งรถถังของตนให้กรุงเคียฟ ซึ่งปธน.เซเลนสกีได้ออกมากล่าวสรรเสริญเหล่าพันธมิตรที่ยึดมั่นในพันธสัญญาที่จะส่งรถถังล้ำสมัยมาให้ พร้อมขอร้องให้จัดส่งรถถังจำนวนมากมาให้โดยเร็ว
ผู้นำยูเครนกล่าวว่า “หัวใจสำคัญในเวลานี้คือ ความเร็วและปริมาณ ... ความรวดเร็วในการฝึกอบรมกองกำลังของเรา ความรวดเร็วในการนำส่งรถถังให้ยูเครน จำนวนของรถถังที่สนับสนุนให้” และว่า “เราต้องจัดตั้งพวก ‘กำปั้นรถถัง’ … พวก ‘กำปั้นแห่งเสรีภาพ’”
- ข้อมูลบางส่วนมาจาก รอยเตอร์ เอพี เอเอฟพีและดีพีเอ