สำนักงานยาแห่งสหภาพยุโรป หรือ EMA ประกาศยืนยันว่า วัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) มีความปลอดภัยและมีประสิทธิผลจริง ขณะที่องค์การอนามัยโลก เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดในยุโรปเริ่มกลับมารุนแรงขึ้นอีก หลังตัวเลขผู้เสียชีวิตพุ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
อีเมอร์ คุก ผู้อำนวยการสำนักงานยาแห่งสภาพยุโรป กล่าวในวันพฤหัสบดีว่า ผลการทบทวนตรวจสอบวัคซีนของแอสตราเซเนกา โดยคณะกรรมการด้านความปลอดภัยของ EMA ได้ข้อสรุปว่า วัคซีนดังกล่าวไม่มีส่วนในการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงกรณีลิ่มเลือดแข็งตัว ซึ่งเป็นกรณีที่มีรายงานข่าวออกมาก่อนหน้านี้ และทำให้หลายประเทศระงับการใช้งานวัคซีนตัวนี้ไว้เป็นการชั่วคราว
คุก กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการตรวจพบว่า มีกรณีลิ่มเลือดแข็งตัวรุนแรง ซึ่งเป็นเหตุผิดปกติที่พบได้ยาก ในระหว่างการตรวจสอบ ทำให้มีการทบทวนเบื้องลึกขึ้น ซึ่งนำไปสู่การค้นพบว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมๆ กับอาการเกล็ดเลือดต่ำ ซึ่งช่วยให้ลิ่มเลือดนั้นแข็งตัว หลังการได้รับวัคซีน โดยผู้ที่ประสบปัญหาดังกล่าวนั้น เกือบทุกคนเป็นสุภาพสตรีในวัยที่ต่ำกว่า 55 ปี
เมื่ออ้างอิงจากหลักฐานที่มีทั้งหมด คุก ระบุว่า EMA “ยังไม่สามารถตัดความเป็นไปได้หมดเสียทีเดียว ว่า กรณีดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับวัคซีน” หรือไม่
ผู้อำนวยการ EMA กล่าวต่อว่า คณะกรรมการด้านความปลอดภัยแนะนำให้มีการเร่งสร้างความตื่นตัวเกี่ยวกับความเสี่ยงนี้ และให้มีการระบุคำเตือนไว้ในข้อมูลยา ซึ่งหวังว่า จะช่วยให้ทั้งเจ้าหน้าที่การแพทย์และผู้รับวัคซีนช่วยกันลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงใดๆ ได้ต่อไป
ขณะเดียวกัน ฮานส์ คลูเกอร์ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นยุโรป กล่าวระหว่างการแถลงข่าวออนไลน์ในวันพฤหัสบดีว่า พื้นที่ยุโรปตอนกลาง ภูมิภาคบอลข่านและรัฐต่างๆ ในเขตบอลติก คือบริเวณที่มีการรายงานการติดเชื้อใหม่ ๆ รวมทั้งการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และตัวเลขผู้เสียชีวิต ในระดับที่สูงที่สุดในโลก ทำให้ตนมีความกังวลเป็นพิเศษ
คลูเกอร์ กล่าวว่า ในเวลานี้ ตัวเลขเฉลี่ยของผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในยุโรปอยู่ที่กว่า 20,000 รายต่อสัปดาห์ โดยตัวเลขสะสมนั้นพุ่งเกินระดับ 900,000 รายไปแล้ว ขณะที่ มีการรายงานตัวเลขผู้ป่วยใหม่ทั่วยุโรปถึงกว่า 1.2 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่ 3 ที่อัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นติดต่อกัน
ผอ.องค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นยุโรป เปิดเผยด้วยว่า ในปัจจุบัน ประเทศในยุโรปทั้งหมด 46 ประเทศทำการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ไปแล้วกว่า 107 ล้านโดส โดยมีประชากรประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ใน 45 ประเทศที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว แต่ย้ำว่า ความคืบหน้านี้ถือว่ายังไม่เร็วพอที่จะชะลอการแพร่กระจายของไวรัสอยู่ดี
นอกจากนั้น รัฐบาลของ 21 ประเทศในยุโรป กำลังค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการจำกัดต่างๆ เพื่อควบคุมการระบาด โดยใช้สมมติฐานว่า การแจกจ่ายวัคซีนอย่างต่อเนื่องจะทำให้สถานการณ์การระบาดของโรคหมดความน่ากังวลได้แล้ว ซึ่ง คลูเกอร์ กล่าวว่า “เป็นสมมติฐานที่เร็วเกินไป”