Your browser doesn’t support HTML5
วันนี้ตามเวลาสหรัฐฯ Electoral College หรือ 'คณะผู้เลือกตั้ง' ซึ่งเป็นตัวแทนท้องถิ่นของมลรัฐต่างๆ ในอเมริกา ยืนยันผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ว่านายโจ ไบเดนจากพรรคเดโมเเครตเป็นผู้ชนะ ซึ่งจะเปิดทางให้เขาเตรียมรับหน้าที่ผู้นำประเทศคนต่อไป
ในช่วงเย็นวันจันทร์ สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ผลการรวมคะเเนนจาก Electoral College บ่งชี้ว่า ไบเดนได้คะเเนน มากกว่าคะเเนนขั้นต่ำของการชนะเลือกตั้งเป็นผู้นำสหรัฐฯที่ 270 เสียงเรียบร้อยเเล้ว
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งกล่าวหาว่ามีการโกงการเลือกตั้งครั้งใหญ่แต่ไม่สามารถแสดงหลักฐานมาจูงใจศาลได้สำเร็จ ยังคงยืนกรานว่าการต่อสู้เพื่อเป็นผู้นำสหรัฐฯ ยังไม่สิ้นสุด
โดนัลด์ ทรัมป์ บอกกับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์เมื่อวันอาทิตย์ว่า การต่อสู้ “ยังไม่จบสิ้นลง” และยังยืนยันต่อว่ามี เขาถูกโกงชัยชนะ
ถ้อยเเถลงของเขาเกิดขึ้นแม้ว่าความพยายามหลายสิบครั้งในการพลิกผลการเลือกตั้งของเขาไม่ประสบผลสำเร็จในชั้นศาล และเจ้าหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้งของรัฐต่างๆ รวมถึงรัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯวิลเลี่ยม บาร์ ในรัฐบาลทรัมป์เองก็ปฏิเสธว่าเกิดการโกงการเลือกตั้งอย่างมโหฬารตามที่ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวอ้าง
การลงคะเเนนของ Electoral College ในวันจันทร์นี้ จึงเป็นการรับรองอย่างเป็นทางการว่า ผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีคือ นายโจ ไบเดน ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกเป็นเวลา 36 ปี และเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีก 8 ปี ภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา
เป็นที่คาดหมายว่า ในที่สุด Electoral College จะยืนยันผลการเลือกตั้ง ที่โจ ไบเดนได้คะเเนน 306 จากคณะผู้เลือกตั้ง ส่วนคะเเนนของประธานาธิบดี ทรัมป์นั้นอยู่ที่ 232
เมื่อ 4 ปีก่อนโดนัลด์ ทรัมป์ชนะเลือกตั้งเหนือนางฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯด้วยคะเเนน 306 ต่อ 232 เท่ากับที่เขาแพ้ต่อโจไบเดนในครั้งนี้ โดยในครั้งนั้นทรัมป์กล่าวว่าเขาชนะฮิลลารี อย่างถล่มทลาย
สื่อสหรัฐฯรายงานบ่ายวันจันทร์ว่า Electoral College ใน 6 รัฐ ที่ทรัมป์ท้าทายผลการเลือกตั้งต่างลงคะเเนนสนับสนุนไบเดน ตามผลการลงคะเเนนของประชาชนในรัฐเหล่านั้น คือใน จอร์เจีย เพนซิลเวเนีย แอริโซนา เนวาดา วิสคอนซิน และมิชิแกน
ว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเตรียมแถลงออกอากาศสดคืนวันจันทร์ ตามเวลาท้องถิ่น จากเมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาเเวร์ โดยเขาน่าจะกล่าวถึงการได้รับการยืนยันผลการเลือกตั้ง และน่าจะใช้โอกาสนี้พูดถึงประชาธิปไตยของสหรัฐฯ ที่สามารถต้านทานสิ่งท้าทายที่เกิดขึ้นได้
หากพิจารณาถึงคะเเนนดิบจากประชาชนทั่วประเทศ โจ ไบเดน มีคะเเนนมหาชนสูงกว่าโดนัลด์ ทรัมป์กว่า 7 ล้านเสียง
สำหรับขั้นตอนหลังจากการยืนยันผลการเลือกตั้งโดย Electoral College รัฐสภาสหรัฐฯ จะตรวจสอบและสรุปผลการลงคะเเนนของคณะผู้เลือกตั้งในวันที่ 6 มกราคม ก่อนวันที่ 20 มกราคมที่จะมีการปฏิญาณตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีของผู้ชนะการเลือกตั้ง
ในกระบวนการของวันที่ 6 มกราคม ส.ส.รีพับลิกันบางคน นำโดยนายโบ บรูคส์จากรัฐอะลาบามา เตรียมใช้ขั้นตอนนี้พลิกผลการเลือกตั้ง เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อนิวยอร์กไทมส์ว่า “เรามีบทบาทตามรัฐธรรมนูญเหนือกว่าศาลสูงสุดและผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางและศาลมลรัฐ.... สิ่งต่างๆ จะเกิดขึ้นตามที่เราบอก และนั่นคือการคำตัดสินสุดท้าย”
ตามประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ไม่มีครั้งใดที่สภาลงมติให้การออกเสียงโดย Electoral College เป็นโมฆะ และไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในครั้งนี้ เมื่อพิจารณาว่าฝ่ายเดโมเเครตคุมเสียงข้างมากในสภาผู้เเทนราษฎร
เมื่อย้อนกลับไปในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลรัฐบาลกลาง และศาลมลรัฐ ปฏิเสธความพยายามเดินเรื่องทางกฎหมายจำนวนกว่า 50 คดีของฝ่ายประธานาธิบดีทรัมป์ และผู้สนับสนุนเขาในความพยายามเปลี่ยนผลการเลือกตั้งในรัฐสมรภูมิที่โจ ไบเดนชนะด้วยคะเเนนมากน้อยต่างกัน