เหลือเวลาเพียงไม่ถึงเจ็ดสัปดาห์ก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะหมดวาระการดำรงตำแหน่ง หนึ่งในคำถามที่ทุกคนเฝ้ารอคำตอบคือ เขาจะประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ต่อว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน หรือไม่?
ทั้งนี้ การประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ใช่สิ่งที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย แต่เป็นเพียงประเพณีในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ผู้ที่แพ้จะประกาศยอมรับผลการเลือกตั้งและแสดงความยินดีต่อผู้ชนะเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงไม่มีท่าทีประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ แม้ทางการของรัฐสมรภูมิหลักๆ จะประกาศให้ไบเดนชนะเลือกตั้งก็ตาม ส่งผลให้เขามีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งทั่วประเทศมากพอที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังคงยืนยันว่ามีการโกงเลือกตั้ง และเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เขาเผยแพร่คลิปวิดีโอยาว 46 นาที ที่อ้างถึงความผิดปกติในการเลือกตั้งและการนับคะแนน แม้ข้อมูลในคลิปดังกล่าวจะเป็นข้อมูลเท็จที่ถูกหักล้างไปแล้วก็ตาม
ในการอ้างว่า มีการ “แทรก” บัตรลงคะแนนให้ไบเดนจำนวนมากจากการลงคะแนนผ่านทางไปรษณีย์ และใช้เวลานับหลายวัน ทำให้ผลการเลือกตั้งพลิกจากที่เขามีคะแนนนำอย่างมากกลายเป็นมีคะแนนตามหลังเล็กน้อยแทน ทรัมป์อธิบายว่า ทางการของบางรัฐสั่งห้ามนับคะแนนบัตรลงคะแนนเสียงล่วงหน้าจนกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง หรือหลังจากปิดหีบเลือกตั้งแล้ว ทำให้ผลการเลือกตั้งหลังนับคะแนนทั้งหมดอาจแตกต่างจากผลหลังปิดหีบใหม่ๆ ได้
ความพยายามต่อสู้ทางกฎหมายในรัฐสมรภูมิของทีมงานทรัมป์ก็ยังไม่มีความคืบหน้า โดยล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดี ศาลสูงรัฐวิสคอนซินปฏิเสธไม่รับฟ้องคดีที่ทรัมป์ยื่นเพื่อพยายามพลอกผลการเลือกตั้งที่เขาแพ้ไป 20,000 คะแนน โดยศาลให้เหตุผลว่า ศาลชั้นต้นต้องรับพิจารณาคดีดังกล่าวก่อนที่เรื่องจะถูกส่งมายังศาลสูงได้
ทั้งนี้ ไบเดนได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนมากกว่าทรัมป์เกือบ 7 ล้านคะแนน และคาดว่าเขาจะได้รับคะแนนคณะผู้เลือกตั้งที่ 306 คะแนน ในขณะที่ทรัมป์จะได้รับ 232 คะแนน ซึ่งเป็นจำนวนคะแนนเดียวกับที่ทรัมป์เอาชนะฮิลลารี คลินตันได้เมื่อสี่ปีที่แล้ว โดยขณะนั้นทรัมป์ประกาศว่าเขาได้รับชัยชนะ “อย่างถล่มทลาย”
หลังจากคณะผู้เลือกตั้งลงคะแนนเสียงในวันที่ 14 ธันวาคมแล้ว สภาคองเกรสจะรับรองผลการลงคะแนนดังกล่าวในเดือนมกราคม เป็นเวลาสองสัปดาห์ก่อนที่ไบเดนจะทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง
อีกคำถามหนึ่งที่น่าสนใจคือ ทรัมป์จะเข้าร่วมพิธีดังกล่าวหรือไม่?
ทั้งนี้ ในรอบกว่าหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีที่พ้นวาระจะทำตามประเพณี โดยเข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของประธานาธิบดีคนใหม่ แม้ว่าเขาจะแพ้การเลือกตั้งก็ตาม
ทรัมป์ระบุว่าเขา “ตัดสินใจแล้ว” แต่ไม่ได้เปิดเผยว่าเขาจะเข้าร่วมพิธีดังกล่าวหรือไม่ ทั้งยังส่งสัญญาณว่าอาจลงสู้ศึกชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ อีกครั้งในอีกสี่ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ ในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ มีเพียงอดีตประธานาธิบดีโกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ที่ชนะเลือกตั้งและได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งในปีค.ศ. 1892หลังจากที่เขาเคยแพ้การเลือกตั้งรักษาเก้าอี้ครั้งก่อนไป