อังกฤษ ประกาศแผนผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในประเทศ ขณะที่สหภาพยุโรป อาจเตรียมพิจารณาห้ามนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันเข้ามาในกลุ่มประเทศ จากสถานการณ์โควิดในอเมริกาที่ยังไม่ทุเลาเบาบางลง
นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แห่งอังกฤษ ประกาศเมื่อวันอังคารในการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโคโรนาไวรัส โดยสามารถเปิดผับบาร์ ร้านอาหาร และร้านทำผมได้ในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ แต่ต้องรักษามาตรการป้องกันโควิดอย่างเคร่งครัดอยู่เป็นสำคัญ และในช่วงวันเดียวกัน สามารถเปิดสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและสันทนาการอื่นๆ เช่น ยิม สนามเด็กเล่น โรงภาพยนตร์ พิพิธภัณฑ์ สวนสนุก ห้องสมุด คลับต่างๆ ได้
อย่างไรก็ตาม ผู้นำอังกฤษ ยืนยันว่าพร้อมจะยุติมาตการผ่อนคลายได้ทันทีหากตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลังจากนี้ โดยที่ล่าสุด อังกฤษมีผู้ติดเชื้อกว่า 3 แสนคน เสียชีวิตกว่า 4.3 หมื่นคน
ด้านสหภาพยุโรป เตรียมพิจารณาห้ามชาวอเมริกันเข้ามาในกลุ่มประเทศยุโรป ตามรายงานของรอยเตอร์และซีเอ็นเอ็น ที่อ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ทูต 2 รายของสหภาพยุโรป ที่ระบุว่า อียูเตรียมเสนอให้ประเทศสมาชิกห้ามชาวอเมริกันเดินทางเข้าประเทศในกลุ่ม จากสถานการณ์การระบาดในอเมริกาที่ยังดำเนินอยู่ในตอนนี้ แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าจะนำมาบังคับใช้ได้หรือไม่ และเบื้องต้นเป็นการกำหนดกฏเกณฑ์ที่สามารถให้พลเมืองเดินทางเข้าออกระหว่างกันได้เท่านั้น ไม่ได้เป็นการระบุประเทศอย่างชัดเจน ขณะที่ทางทำเนียบขาว ยังไม่ออกมาเคลื่อนไหวในประเด็นนดังกล่าว ตามรายงานของรอยเตอร์
ตอนนี้ที่อเมริกา มีผู้ติดเชื้อ 2.3 ล้านคน เสียชีวิต 1.2 แสนคน และมีความกังวลถึง 3 รัฐอย่างแอริโซนา เท็กซัส และฟลอริดา ในแง่ผู้ติดเชื้อรายใหม่ทะลุหลายพันรายต่อวัน
ขยับไปที่บราซิล ศาลบราซิลมีคำสั่งในวันอังคาร ให้ประธานาธิบดีจาอีร์ โบลโซนาโร สวมหน้ากากทุกครั้งที่ออกไปในที่สาธารณะหรือไปหาเสียง หากฝ่าฝืนจะมีค่าปรับราว 400 ดอลลาร์ต่อวัน ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ที่หนักหนาในประเทศ ด้วยผู้ติดเชื้อทะลุ 1.1 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 5.1 หมื่นราย และผู้ติดเชื้อรายใหม่ทะลุ 5 หมื่นรายต่อวัน